สาวบาร์พาเพื่อนและลูกชายเที่ยวผับย่านเจริญราษฎร์ หลังผับปิดลูกชายขับเก๋งกลับบ้าน ถูกมือปืนตามประกบชัก .38 ไล่ยิง เจ็บ 2 ตำรวจคาดอาจเป็นอริที่เขม่นกันในผับ
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 02.40 น พ.ต.ท ชรินทร์ ถนัดหนังสือ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ยานนาวา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันที่ถนนเจริญราษฎร์ แขวงสีลม เขตบางรักจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งนั่งส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้าวีออสสีดำหมายเลขทะเบียน ชล 7587 กทม. ถูกยิงยางหน้าซ้ายกระจกซ้ายประตูซ้าย นอกจากนี้ยังพบนางวัชรินทร์ พาลิบัตร อายุ 36 ปีและนางสาวภัสรา จันทร์แจ่ม อายุ 26 ปี พร้อมกับเพื่อนๆอีก 3 คน ยืนรอให้ปากคำต่อตำรวจและอยู่ในอาการตกใจส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายชัยวัชระ อุดร อายุ 21 ปี ถูกยิงเข้าที่ปอด และนายสุภัทร อุดร อายุ 19 ปี ถูกยิงที่แขนและมือซ้ายถูกนำส่งโรงพยาบาลเลิศสินไปก่อนหน้านี้
จากการสอบสวน นางวัชรินทร์กล่าวว่า ตนพักอยู่บ้านเลขที่ 132/2 ถนนริมทางรถไฟ แขวงเขตบางยี่เรือ มีอาชีพเป็นพนักงานอยู่บาร์ญี่ปุ่นย่านสีลม ก่อนเกิดเหตุหลังเลิกงานได้ไปเที่ยวที่เดอะสตาร์ผับ ถนนเจริญราษฎร์ พร้อมกับเพื่อนๆ และลูกชายอีก 2 คน ขณะที่ดื่มกินกันอยู่ที่ผับดังกล่าวเห็นเพื่อนลูกชายมีเรื่องทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่น แต่การ์ดทางผับได้เครียร์และแยกย้ายกันกลับ แต่ตนเองกับกลุ่มเพื่อนและลูกได้กลับหลังจากที่ผับปิด ขับรถคันดังกล่าวมีนายชัยวัชระ อุดร ลูกชายคนแรกเป็นคนขับ และนายสุภัทร อุดร ลูกชายอีกคนนั่งคู่กัน ส่วนตนเองนั่งอยู่หลังคนขับ
นางวัชรินทร กล่าวต่อว่า พวกตนได้ขับรถมาตามถนนสาทรเพื่อจะกลับรถขึ้นสะพานสาทร พอมาถึงแยกสุรศักดิ์และจอดรถติดไฟแดงอยู่ ขณะนั้นตนกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกสะใภ้ก็ได้ยินลูกชายบอกว่าถูกยิง ตกใจมากไม่ทันเห็นคนร้ายว่ามาอย่างไร และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยิงลูกชายด้วย เพราะเท่าที่ผ่านมาลูกชายทั้งสองคนไม่เคยมีเรื่องกับใครเพราะตนเองมักจะไปไหนมาไหนกับลูกชายเป็นประจำ
ทางด้าน น.ส.ภัสรา เพื่อนของนางวัชรินทร์ เปิดเผยว่า ขณะที่ตนนั่งอยู่ด้านหลังคนขับขณะที่รถติดไฟแดงอยู่ตกใจมาได้ยิงเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด หลังจากสิ้นเสียงปืนได้เห็นรถจักรยานยนต์ไม่ทราบสีทะเบียนและยี่ห้อได้วิ่งออกไป โดยเห็นคนขับใส่เสื้อลายสกอตสีขาวส่วนคนยิงซ้อนท้ายใส่เสื้อสีเขียวคอปกขาวหลบหนีไป
ด้าน พ.ต.ท.ชรินทร์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบปลอกกระสุนปืนที่คนร้ายใช้ยิงเป็นปลอกกระสุนขนาด .38 ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบเพราะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บยังไม่สามารถให้ปากคำได้ ส่วนแม่ผู้ได้รับบาดเจ็บก็ไม่สามารถให้ปากคำได้เนื่องจากยังตกใจกับเหตุการณ์อยู่อย่างไรก็ตาม หลังจากทำการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วจะนำข้อมูลให้ต่อฝ่ายสืบสวนทำการสืบสวนสอบสวนติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
