กรมคุกปล่อยตัว “รักเกียรติ สุขธนะ” อดีต รมว.สาธารณสุข ที่ติดคุกในคดีทุจริตยา หลังติดคุกยาวกว่า 5 ปี โดยนัดปล่อยตัวจากเรือนจำคลองเปรม เย็นนี้ แต่มีเงื่อนไข ตลอดระยะเวลาการพักโทษกว่า 2 ปี ห้ามกระทำผิดใดๆ ซ้ำอีก และต้องไปรายงานตัวทุก 1 เดือน ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกนำตัวกลับมาจองจำโทษที่พักไว้มาให้ครบจำนวน
วันนี้ (29 ต.ค.) นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้อนุมัติให้พักการลงโทษ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมช.สาธารณสุข ซึ่งต้องโทษจำคุกในเรือนจำกลางคลองเปรม ในคดีทุจริตจัดซื้อยาเวชภัณฑ์ และคดีความผิดตาม พ.ร.บ.การใช้เช็ค ต้องโทษจำคุก 17 ปี 6 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายรักเกียรติ ได้รับพระราชทานอภัยโทษโดยลดโทษให้คงเหลือโทษจำคุก 9 ปี 2 เดือน โดย นายรักเกียรติ ได้รับโทษจำคุกมานานกว่า 5 ปี เหลือโทษจำคุกจริงอีก 2 ปี 6 เดือน หรือประมาณ 1 ใน 3 จึงถือว่ามีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์การขอพักการลงโทษ
“คณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า นายรักเกียรติ ประพฤติตัวดี ไม่ก่อปัญหา หรือฝ่าฝืนกฎระเบียบของเรือนจำ จึงอนุมัติให้พักการลงโทษ และได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อให้ปล่อยตัว นายรักเกียรติ โดยในเบื้องต้นทราบว่า นายรักเกียรติ จะกลับไปพักอาศัยใน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิม ทั้งนี้ ในระหว่างการพักการลงโทษจำคุกกว่า 2 ปีนี้ นายรักเกียรติ จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการคุมประพฤติ โดยจะต้องเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติทุกๆ 1 เดือน และจะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำความผิดใดๆ มิเช่นนั้น จะถือว่าผิดเงื่อนไขในการพักการลงโทษ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องนำตัวกลับมารับโทษเก่าที่ได้รับการพักโทษไว้ให้ครบจำนวน” รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว
ด้าน นายสมศักดิ์ รังสิโยภาส ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม กล่าวว่า ภายหลังเรือนจำได้รับหนังสือแจ้งเรื่องการพักการลงโทษจากกรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทั้งหมด จากนั้นจะเบิกตัวนักโทษออกจากแดนคุมขังเพื่อปล่อยตัวออกจากเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรักเกียรติ จะได้รับการปล่อยตัวในเวลา 17.00 น.วันนี้ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน
นางพรสวรรค์ เกิดโภคา ผอ.สำนักทัณฑปฏิบัติ กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้พิจารณาพักการลงโทษให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศกว่า 200 คน โดยเริ่มพิจารณาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม สิงหาคม และ กันยายน ทั้งนี้ การพิจารณาพักการลงโทษเป็นการพิจารณาโดยคณะกรรมการกลั่นกรองที่มีบุคคลภายนอกเข้าร่วมเป็นกรรมการ ไม่ใช่การพิจารณาเป็นการภายในของกรมราชทัณฑ์ นอกจากนี้ ยังผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังที่ได้รับการพักการลงโทษจะต้องเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติทุก 1 เดือน ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ อาทิ การบำเพ็ญประโยชน์ในช่วง 2 ปี 6 เดือนนั้น ขึ้นอยู่กับกรมคุมประพฤติจะกำหนดให้ผู้ได้รับการพักการลงโทษปฏิบัติตามความเหมาะสมเป็นรายๆ ไป
ก่อนหน้านี้ ในระหว่างการต้องโทษคุมขังนายรักเกียรติ เคยร้องขอย้ายจากเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อไปคุมขังในเรือนหนองบัวลำภู โดยอ้างว่าเป็นการย้ายกลับภูมิลำเนาเพื่อให้ญาติสะดวกในการเข้าเยี่ยม จากนั้นได้ทำเรื่องขอย้ายกลับมาเรือนจำกลางคลองเปรมอีกครั้ง โดยนายรักเกียรติ ให้เหตุผลว่า ป่วยเป็นโรคเบาหวาน จำเป็นต้องพบแพทย์เป็นประจำเกือบทุกสัปดาห์ จึงขอย้ายมารับโทษจำคุกที่เรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อความสะดวกในการรักษาพยาบาลในทัณฑสถานโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ และเพื่อให้ใกล้กับที่อยู่ของภรรยา
สำหรับ นายรักเกียรติ เป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องโทษจำคุกคดีทุจริตรับสินบน ตามการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2546 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี ฐานทุจริตรับเงินสินบน 5 ล้านบาท จากบริษัทยา ทำให้สาธารณสุขจังหวัดต้องจัดซื้อยาในราคาแพง
แต่คดีนี้ นายรักเกียรติ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา กระทั่งมีพลเมืองดีพบเห็นนายรักเกียรติขณะออกกำลังกายในสวนสาธารณะย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงแจ้งให้ตำรวจจับกุมตัวเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2547 และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกหมายขังคดีถึงที่สุด หลังรับตัว นายรักเกียรติ จากตำรวจและส่งตัวไปรับโทษตามคำพิพากษา