กรรมการบริษัทส่งออกเข้าแจ้งความตำรวจ สน.สุทธิสาร หลังน้องชาย “ยุ้ย จีระนันท์” ดาราสาวชื่อดังตีสนิทหลอกให้ลงทุนซื้อของหลุดจำนำบ่อนปอยเปต เชิดเงิน 2.7 แสน พร้อมกล้องถ่ายรูปหายเข้ากลีบเมฆ โทร.ติดต่อพ่อ เผยหนีออกจากบ้านนานแล้ว และเคยก่อคดีแบบเดียวกันจนต้องไปประกันตัว
วันนี้ (25 ต.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น. นายอำพล พันธุ์ประสิทธิ์ อายุ 75 ปี กรรมการบริษัท อลิสอินเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.สันติ ผิวทองคำ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.สุทธิสาร เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายดุสิต มะโนแจ่ม อายุ 24 ปี น้องชายของ น.ส.จีรนันท์ มะโนแจ่ม ดารานักแสดงสาวชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์
นายอำพลกล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายดุสิตได้มาหาตนที่บ้านพัก โดยอ้างว่ารู้จักกับเพื่อนของตน และได้รับคำแนะนำให้มาหา นายดุสิตยังบอกว่ามีอาชีพรับจำนำทรัพย์สินจากนักพนันในบ่อนปอยเปต จากนั้นก็พยายามชักชวนลูกสาวของจึงให้ร่วมลงทุนโดยให้เงินไปจำนวน 3 หมื่นบาท เพราะนายดุสิตบอกว่าได้กำไรดี จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ต่อมา นายดุสิตก็นำเงินกลับมาคืนให้จำนวน 8 หมื่นบาท จึงเห็นว่าได้ผลกำไรดีจริงเพราะได้เงินเพิ่มมาอีกถึง 5 หมื่นบาท
นายอำพลกล่าวว่า หลังจากที่สามารถชักชวนให้ลูกสาวลงทุนครั้งแรกสำเร็จ นายดุสิตก็จะมาหาตนที่บ้านบ่อยครั้งขึ้น และทุกครั้งก็จะพยายามโน้มน้าวให้ตนร่วมลงทุนด้วย แต่ตนก็ยังไม่ได้สนใจ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่มาหานายดุสิตได้อ้างว่ามีนาฬิกาโรเล็กซ์หลุดจำนำราคาไม่แพงจำนวน 2 เรือน ประมาณ 2.7 แสนบาท ตนเห็นว่าราคาถูกจึงสนใจและให้เงินไป พร้อมกับให้ยืมกล้องถ่ายรูปยี่ห้อแคนนอน รุ่นเพาวเวอร์ช็อต เอ 300 ไปด้วย หลังจากนั้นนายดุสิตก็หายหน้าไปและไม่สามารถติดต่อได้อีก
นายอำพลกล่าวอีกว่า เมื่อหลังจากที่นายดุสิตหายหน้าไป ก็พยายามติดต่อและจำได้ว่าตอนที่นายดุสิตมาใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านเคยสแกนบัตรประชาชนทิ้งไว้ จึงนำที่อยู่ในบัตรประชาชนของนายดุสิตมาตรวจสอบในอินเทอร์เน็ตก็พบว่ามีชื่ออาศัยอยู่ในบ้านซึ่งมีนายพิเนตร มะโนแจ่ม เป็นหัวหน้าครอบครัว และจึงหาเบอร์โทรศัพท์บ้านหลังดังกล่าวเพื่อพูกคุยกับนายพิเนตร ซึ่งก็ยอมรับว่านายดุสิตเป็นลูกชายจริง แต่หายออกจากบ้านไปหลายวันแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้นายดุสิตก็เคยถูกตำรวจจับข้อหาฉ้อโกง โดย “ยุ้ย จีรนันท์” เป็นคนไปประกันตัวออกมา ที่เข้าแจ้งความเพราะต้องการให้นายดุสิตเอาเงินกับกล้องถ่ายรูปมาคืน เมื่อได้ทรัพย์สินคืนครบแล้วก็จะยอมถอนแจ้งความ
ด้าน ร.ต.ท.สันติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว จากนั้นจะประสานให้ฝ่ายสืบสวนออกติดตามตัวนายดุสิตมาดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์ต่อไป
วันนี้ (25 ต.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น. นายอำพล พันธุ์ประสิทธิ์ อายุ 75 ปี กรรมการบริษัท อลิสอินเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.สันติ ผิวทองคำ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.สุทธิสาร เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายดุสิต มะโนแจ่ม อายุ 24 ปี น้องชายของ น.ส.จีรนันท์ มะโนแจ่ม ดารานักแสดงสาวชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์
นายอำพลกล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายดุสิตได้มาหาตนที่บ้านพัก โดยอ้างว่ารู้จักกับเพื่อนของตน และได้รับคำแนะนำให้มาหา นายดุสิตยังบอกว่ามีอาชีพรับจำนำทรัพย์สินจากนักพนันในบ่อนปอยเปต จากนั้นก็พยายามชักชวนลูกสาวของจึงให้ร่วมลงทุนโดยให้เงินไปจำนวน 3 หมื่นบาท เพราะนายดุสิตบอกว่าได้กำไรดี จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ต่อมา นายดุสิตก็นำเงินกลับมาคืนให้จำนวน 8 หมื่นบาท จึงเห็นว่าได้ผลกำไรดีจริงเพราะได้เงินเพิ่มมาอีกถึง 5 หมื่นบาท
นายอำพลกล่าวว่า หลังจากที่สามารถชักชวนให้ลูกสาวลงทุนครั้งแรกสำเร็จ นายดุสิตก็จะมาหาตนที่บ้านบ่อยครั้งขึ้น และทุกครั้งก็จะพยายามโน้มน้าวให้ตนร่วมลงทุนด้วย แต่ตนก็ยังไม่ได้สนใจ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่มาหานายดุสิตได้อ้างว่ามีนาฬิกาโรเล็กซ์หลุดจำนำราคาไม่แพงจำนวน 2 เรือน ประมาณ 2.7 แสนบาท ตนเห็นว่าราคาถูกจึงสนใจและให้เงินไป พร้อมกับให้ยืมกล้องถ่ายรูปยี่ห้อแคนนอน รุ่นเพาวเวอร์ช็อต เอ 300 ไปด้วย หลังจากนั้นนายดุสิตก็หายหน้าไปและไม่สามารถติดต่อได้อีก
นายอำพลกล่าวอีกว่า เมื่อหลังจากที่นายดุสิตหายหน้าไป ก็พยายามติดต่อและจำได้ว่าตอนที่นายดุสิตมาใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านเคยสแกนบัตรประชาชนทิ้งไว้ จึงนำที่อยู่ในบัตรประชาชนของนายดุสิตมาตรวจสอบในอินเทอร์เน็ตก็พบว่ามีชื่ออาศัยอยู่ในบ้านซึ่งมีนายพิเนตร มะโนแจ่ม เป็นหัวหน้าครอบครัว และจึงหาเบอร์โทรศัพท์บ้านหลังดังกล่าวเพื่อพูกคุยกับนายพิเนตร ซึ่งก็ยอมรับว่านายดุสิตเป็นลูกชายจริง แต่หายออกจากบ้านไปหลายวันแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้นายดุสิตก็เคยถูกตำรวจจับข้อหาฉ้อโกง โดย “ยุ้ย จีรนันท์” เป็นคนไปประกันตัวออกมา ที่เข้าแจ้งความเพราะต้องการให้นายดุสิตเอาเงินกับกล้องถ่ายรูปมาคืน เมื่อได้ทรัพย์สินคืนครบแล้วก็จะยอมถอนแจ้งความ
ด้าน ร.ต.ท.สันติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว จากนั้นจะประสานให้ฝ่ายสืบสวนออกติดตามตัวนายดุสิตมาดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์ต่อไป
