กองปราบฯ พร้อมส่งคดีคนรถไฟสไตรก์ ให้ ป.ป.ช.เชือดสั่งสอน!

ตำรวจกองปราบอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐสาน กรณีพนักงานรถไฟ หยุดวิ่งรถ ปล่อยผู้โดยสารทิ้ง ชี้อาจเข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เตรียมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.เชือดสั่งสอน

วันนี้ (20 ต.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ นายวิรัตน์ จันทรัตน์ หัวหน้ากองสอบสวน สำนักงานอาณาบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงาน ร.ฟ.ท.ที่รวมตัวกันหยุดเดินรถไฟส่งผลให้เกิดความเสียหายกับ ร.ฟ.ท.และผู้โดยสารในหลายเส้นทางว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ผู้ที่ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดเป็นพนักงานของ ร.ฟ.ท.หรือไม่ หากเป็นพนักงาน รฟท.ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จก็จะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามมาตรา 89 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และกฎหมายของ ปปช.ที่เกี่ยวข้อง

พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ก็จะต้องตรวจสอบและประสานขอข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง รฟท.เพื่อขอรายละเอียดต่างๆ อย่างไรก็ดี ทางประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการหยุดเดินรถไฟครั้งนี้สามารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้ และทราบว่าบางส่วนก็มีการแจ้งความในท้องที่เกิดเหตุต่างๆ ไว้แล้ว

“ผมอยากให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายหรือสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลกรณีที่เกิดขึ้นขอให้ช่วยเข้ามาให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อการดำเนินการต่างๆ จะมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น” รอง ผบก.ป.กล่าว

พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวอีกว่า ในส่วนของการตรวจสอบหลักฐานที่ได้รับมาประกอบกับที่ปรากฎอยู่ในภาพข่าวนั้น ในเบื้องต้นพบผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดแล้วอย่างน้อย 2-3 ราย ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไปอีกว่าเป็นบุคคลใดบ้าง รวมทั้งตรวจสอบด้วยว่ามีใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือเป็นผู้ให้การสนับสนุน ทั้งหมดมีพฤติการณ์อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ก็ยังต้องแยกผู้ที่อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่มีภาพปรากฏในที่เกิดเหตุออกไป

“พนักงานสอบสวนจะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุดทั้งกับพนักงานของ รฟท.ที่เกี่ยวข้อง หรือแม้แต่ผู้ร่วมกระทำความผิดที่ไม่ใช่พนักงานของ ร.ฟ.ท.ก็จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะเสร็จสิ้น” พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าว