ประหารชีวิตหนุ่มเมืองคอน ยิงตำรวจมักกะสันดับ ขณะเข้าระงับเหตุวิวาทกลางลานเบียร์ สารภาพศาลปรานีลดเหลือคุกตลอดชีวิต
วันนี้ (2 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ 0.4002/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายศาสตรา แก้วกระจ่าง อายุ 23 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยฐานฆ่าเจ้าพนักงานตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน อย่างไรก็ดี คดีนี้ศาลได้ออกหมายจับจำเลย ซึ่งหลบหนี และยังไม่ได้ตัวมาในวันนี้ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย
คดีนี้ฟ้องโจทก์สรุปว่าเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2551 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจใช้อาวุธปืนพกสั้นออโตเมติก (Glock) ขนาด 9 มม.ทะเบีน กท.420343 ของ ส.ต.อ.พรชัย เอียดล้วน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง ช่วยราชการสืบสวน สน.ประเวศ ยิงใส่ ส.ต.อ.ณัฐพงษ์ ลูกจันทร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน จำนวน 5 นัด เสียชีวิต ขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างกลุ่มของจำเลย กับ กลุ่มนายจตุพร คงเจริญคู่กรณี เหตุเกิดบริเวณหน้าลานเบียร์โรงแรมมรกต ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.หลังเกิดเหตุจำเลยหลบหนีโดยนำอาวุธปืนไปฝากไว้กับเพื่อน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ที่ขนส่งสายใต้ใหม่
จำเลยให้การรับสารภาพว่าใช้ปืนยิงผู้ตาย แต่อ้างว่าไม่ทราบว่าเป็นผู้ตายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขณะเกิดเหตุมีความชุลมุนมาก ผู้ตายถือที่ช็อตไฟฟ้าจะเข้าทำร้าย จึงต้องใช้ปืนยิงใส่ เพื่อเป็นการป้องกันตัว
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยทะเลาะวิวาทกับคู่กรณีแล้วผู้ตายเข้ามาระงับเหตุ ผู้ตายได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานตำรวจ และบอกว่าเป็นตำรวจ ก่อนเข้าแยกกลุ่มของจำเลย กับกลุ่มคู่กรณี และยังทำให้ปืนพกของ ส.ต.อ.พรชัย ตกลงพื้น เมื่อจำเลยเก็บได้จำเลยย่อมรับทราบอยู่แล้วว่า ผู้ตายเป็นตำรวจ มีอำนาจระงับเหตุ แต่จำเลยกลับใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายทั้งกระสุนยังพลาดไปถูก นายจตุพร ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อศอกอันเป็นการเจตนาฆ่า ข้ออ้างของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้จึงมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษาว่า ให้ประหารชีวิตจำเลยฐานฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่โดยเจตนา คำรับสารภาพ ในชั้นจับกุมและนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ ศาลอาญา อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยไปหลังจากถูกฟ้อง แต่จำเลยไม่ยอมมาฟังคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลย พร้อมกับปรับนายประกัน โดยเลื่อนมาอ่านคำพิพากษาในวันนี้ แต่ก็ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาอีก ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังในทันที