หนุ่มขี้เมากะไปหาแฟนแถวรัชดาฯ เดินผ่านเหยื่อสาวที่ป้ายรถเมล์ ขอตังค์ไม่ให้ลากเข้าป่าหญ้าบีบคอจนตาย รื้อค้นเอาเงินได้เพียง 120 บาท แล้วจับถอดกระโปรงใช้นิ้วแทงอวัยวะเพศ เบี่ยงเบนให้เป็นประเด็นข่มขืน ตำรวจรวบตัวทันควัน พร้อมรอผลชันสูตรศพ หากพบผู้ตายถูกข่มขืนจะแจ้งข้อหาเพิ่ม
วันนี้ (1 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.15 น. ร.ต.อ.สมเจตน์ พลเหลา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงถูกฆ่าเสียชีวิตบริเวณป่าหญ้าด้านหลังป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามวัดศรีบุญเรือง ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สมวุฒิ วรรณพิรุณ ผบก.น.4 พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.มันทาร อภัยวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สืบสวน บก.น.4 พ.ต.ท.รังสรรค์ ยิ่งยงดำรงค์สกุล รอง ผกก.ปป.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบศพถูกพลเมืองดีอุ้มออกมาจากป่าด้านหลังมาวางไว้ที่ป้ายรถประจำทาง แล้วใช้ผ้าคลุมศพเพื่อไม่ให้อุจาดตา ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ศศิประภา หรือติ๊ก วิงวอน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 6 ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว ท่อนล่างเปลือยเปล่า จากการตรวจสอบตามบริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำคล้ายถูกบีบ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลใดๆ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุป่าด้านหลังป้ายรถประจำทางประมาณ 10 เมตร พบกระโปรง 1 ตัว กางเกงใน 1 ตัว ถูกทิ้งในป่าหญ้า นอกจากนี้ยังพบร่มสีน้ำเงินและรองเท้าผู้ตายตกอยู่หลังป้ายรถประจำทาง เจ้าหน้าที่จึงเก็บรายละเอียดที่พบไปตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบเห็นชายต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่าด้านหลังป้ายรถเมล์ เจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันปิดล้อมป่า และบริเวณใกล้เคียงเอาไว้เพื่อค้นหาตัวคนร้าย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็พบชายต้องสงสัย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุวิทย์ บุญไพโรจน์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 6 ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นอนถอดเสื้อซุกตัวแอบอยู่ริมสระน้ำในหมู่บ้านภัคภิรมย์ ในสภาพตามตัวมีบาดแผลและรอยขีดข่วน จึงเข้าจับกุมก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.หัวหมาก
จากการสอบสวนนายสุวิทย์ให้การรับสารภาพว่า ทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัท นีมาไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำความสะอาดภายใน ห้างโฮมโปร สาขาสุขาภิบาล 3 โดยก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนจนเมา และกำลังจะไปหาแฟนที่ย่านรัชดาฯ เดินผ่านป้ายรถเมล์ พบผู้ตายนั่งอยู่เพียงคนเดียวจึงเข้าไปขอเงินเพราะไม่มีค่ารถ แต่ผู้ตายไม่ยอมให้พร้อมกับเอะอะโวยวาย ด้วยความโมโหเลยผลักผู้ตายล้มลงแล้วลากเข้าไปในป่าด้านหลังป้ายรถเมล์ที่มีสังกะสีบังอยู่ ก่อนจะบีบคอจนแน่นิ่งไป จากนั้นก็ค้นตัวผู้ตายเพื่อหาทรัพย์สิน แต่ก็ได้เงินมาเพียงแค่ 120 บาท ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะทำแค่นั้น แต่พอผู้ตายเสียชีวิตแล้วก็เลยจับถอดกระโปรงออกแล้วใช้นิ้วแทงอวัยวะเพศเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นให้เป็นคดีข่มขืน ระหว่างนั้นมีคนเข้ามาเห็นเลยรีบวิ่งหนีไปซ่อนตัวจนถูกจับได้ดังกล่าว
ด้าน นายสมชาย สืบเทพ พลเมืองดีผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังออกมาจากป่าหลังป้ายรถเมล์ก็เลยเดินเข้าไปดูพบว่าคนร้ายกำลังพยายามทำอนาจารผู้ตาย ซึ่งนอนจมแอ่งน้ำในป่าหญ้า พอคนร้ายหันมาเห็นตนก็จะพยายามเข้ามาทำร้ายตน แต่ตนก็คว้าจอบเอาไว้เตรียมสู้ คนร้ายเห็นตนมีจอบเลยรีบวิ่งหลบหนีไป ก่อนอุ้มร่างผู้ตายออกมาข้างนอกบริเวณป้ายรถเมล์แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ นายบุญนำ พูลสวัสดิ์ อายุ 63 ปี พยานอีกรายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังเก็บของเก่าอยู่ในป่า ระหว่างนั้นได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนเสียงจะเงียบไป เลยเดินออกมาข้างนอกก็พบมีพลเมืองดีนำศพผู้หญิงมาวางไว้ ส่วนคนร้ายก็เห็นวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงจึงแจ้งว่าคนร้ายหนีเข้าป่าไปแล้ว
ต่อมา นายสุทัศน์ ฟ้องเสียง อายุ 31 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตายเดินทางมายังที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนกับแฟนพักอยู่ที่ตึก 14 ห้อง 318 อัสสุกาญจน์เพลส ใกล้กับวัดศรีบุญเรือง โดยพวกตนทั้งสองคนทำงานอยู่ที่โรงแรมเดวิส ซอยสุขุมวิท 24 ด้วยกัน แต่ทำงานคนละกะ โดยตนทำงานกะดึก ส่วนแฟนเข้าเช้า ซึ่งก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 05.00 น. ก่อนที่ตนจะออกเวรก็โทรศัพท์คุยกับแฟนว่าออกมาทำงานหรือยัง พร้อมเตือนว่าให้ระวังตัวเพราะฝนตกและคนไม่ค่อยมี หลังจากนั้นก็โทร.ไปหาแฟนอีกรอบแต่แฟนไม่รับสาย เลยโทร.ถามเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนก็บอกว่าแฟนยังไม่มาทำงานจึงรีบกลับมาตามหาบริเวณใกล้เคียงจนพบเป็นศพดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วัฒนา กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ออกจากที่พักมายืนรอรถประจำทางเพื่อไปทำงาน ผู้ต้องหาผ่านมาเห็นเลยเข้าไปขอเงินแต่ผู้ตายไม่ยอมให้จึงลากไปป่าหญ้าด้านหลังป้ายรถเมล์แล้วบีบคอก่อนล้วงกระเป๋าได้เงิน 120 บาท และพยายามข่มขืน แต่มีพลเมืองดีมาพบเห็นเข้าเลยรีบหลบหนี จนถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมเอาไว้ได้ เบื้องต้นแจ้งข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามข่มขืนกระทำชำเรา โดยหลังจากนี้จะรอผลการตรวจชันสูตรจากแพทย์อีกครั้ง หากพบว่าผู้ตายถูกข่มขืนด้วยก็จะแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราต่อผู้ต้องหาเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถกระบะเพื่อนำมาสอบปากคำที่โรงพัก แต่ระหว่างนั้นชาวบ้านที่ทราบข่าวว่าจับคนร้ายได้กว่า 200 คน พยายามจะเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวออกมาจากจุดเกิดเหตุมาสอบสวนที่ สน.หัวหมาก ก่อนจะให้ผู้ต้องหานำดอกไม้ธูปเทียนมากราบขอขมาศพผู้ตาย
ต่อมาเวลา 16.45 น. พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก ร.ต.อ.สมเจตน์ พลเหลา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.หัวหมาก คุมตัวนายสุวิทย์ บุญไพโรจน์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ หลังป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามวัดศรีบุญเรือง ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเจ้าหน้าที่จะคุมตัวนายสุวิทย์ ออกจากโรงพักมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ได้มีบรรดาญาติ เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งนายสุทัศน์ ฟ้องเสียง แฟนหนุ่มของผู้ตาย รวมทั้งบรรดาชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงประมาณเกือบ 1,000 คน พากันมารอดูการทำแผนประกอบคำสารภาพที่บริเวณป้ายรถเมล์ที่เกิดเหตุกันอย่างเนืองเน่น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเรียกกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษของ บก.น.4 เจ้าหน้าที่สายตรวจ และฝ่ายสืบสวนของสน.หัวหมาก เกือบ 100 นาย มาคอยกันไม่ให้นายสุวิทย์ถูกรุมประชาทัณฑ์
โดยจุดแรกที่เริ่มทำแผนคือบริเวณป้ายรถเมล์ที่ นายสุวิทย์เข้าไปขอเงินจากผู้ตาย จุดที่สองเป็นคือบริเวณป่าหญ้าด้านหลังป้ายรถเมล์ ซึ่งเป็นจุดที่นายสุวิทย์ ลากผู้ตายเข้าไปบีบคอและจับกดน้ำจนเสียชีวิต และลากเข้าไปถอดกระโปรงเพื่อจงลงมือข่มขืน แต่มีชาวบ้านมาเห็นเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อทำแผนบริเวณนี้เสร็จ บรรดาชาวบ้านกับญาติผู้ตาย รวมทั้งนายสุทัศน์ แฟนหนุ่มของผู้ตาย พยายามจะเข้ามารุมประชาทัณฑ์นายสุวิทย์ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวขึ้นรถตู้เข้าไปทำแผนฯ ที่จุดสุดท้ายคือ ริมสระน้ำในหมู่บ้านภัคภิรมย์ ที่นายสุวิทย์เข้าไปหลบซ่อนก่อนถูกจับกุมได้ โดยใช้เวลาทำแผนฯประมาณ 30 นาที ก่อนจะรีบคุมตัวนายสุวิทย์ กลับโรงพักทันที