“สุเทพ วงศ์กำแหง” พ่าย ศาลยกฟ้องลิขสิทธิ์เพลงเก่า

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ยกฟ้องคดีศิลปินแห่งชาติ “สุเทพ วงศ์กำแหง” บริษัท แม่ไม้เพลงไทย กับพวกละเมิดลิขสิทธิ์เพลงเก่า

วันนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 19 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่ นายสุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ สาขาเพลงไทยสากลขับร้อง ประจำปี 2533 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท แม่ไม้เพลงไทย (บางกอกคาสเสท) จำกัด, นายกิตติชัย มิตรศรัทธา ผู้อำนวยการฝ่ายลิขสิทธิ์, บริษัท กมลสุโกศล จำกัด, น.ส.เลียบ เธียรประสิทธิ์ และนางกมลา สุโกศล กรรมการผู้จัดการ เป็นจำเลยที่ 1-5 เรื่องละเมิดสิทธินักแสดง ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 45 ประกอบมาตรา 52, 69 กรณีที่บริษัทแม่ไม้เพลงไทยเช่าลิขสิทธิ์เพลงจากบริษัท กมลสุโกศล จำกัด นำเพลงของนายสุเทพไปจำหน่าย โดยนายสุเทพไม่ได้รับผลประโยชน์ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าระหว่างปี 2496-2510 โจทก์รับร้องเพลงจำนวนหลายพันเพลงให้แก่จำเลยที่ 3 โดยบันทึกเสียงเป็นมาสเตอร์ ก่อนนำไปผลิตเป็นแผ่นเสียง ต่อมาจำเลยที่ 1 และ 2 นำเพลงไปบันทึกเสียงจำหน่ายในรูปแบบซีดีเพื่อหากำไรจากการค้า โดยไม่ได้ขออนุญาตจากโจทก์ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การแสดงหรือการบันทึกเสียงการแสดงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 หรือไม่ เห็นว่าการการบันทึกเสียงการแสดงของโจทก์ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 78 ที่คุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อนที่ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 จะบังคับใช้ สิทธินักแสดงของโจทก์จึงไม่ได้รับการคุ้มครอง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยพิพากษายืน

ภายหลัง นายกิตติชัย มิตรศรัทธา ผู้อำนวยการฝ่ายลิขสิทธิ์ บริษัท แม่ไม้เพลงไทย (บางกอกคาสเสท) จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทฯ มีลิขสิทธิ์ในคำร้อง ทำนอง ดนตรี และเสียงประสาน ถูกต้อง อย่างไรก็ดี โดยส่วนตัวแล้วยังมีความเคารพในตัวนายสุเทพ และไม่คิดจะยื่นฟ้องกลับ

ขณะที่ นายสุเทพกล่าวว่า ในสมัยนั้นผลงานเพลงไม่มีการเซ็นสัญญาแต่อย่างใด ซึ่งเป็นช่องว่างของกฎหมายที่ต้องยอมรับ ตอนนี้ได้แต่หวังว่าใครก่อกรรมใดไว้ก็ขอให้ได้รับกรรมนั้นกลับคืนไป ส่วนเรื่องการต่อสู้ในทางศาลนั้นคงต้องนำคำพิพากษามาศึกษารายละเอียดอีกครั้งว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง อย่างไรก็ดี ตนเห็นว่าเมื่อเป็นผลงานเพลงของเราน่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง แต่กลับถูกลิดรอนสิทธิทำให้ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไร ส่วนเรื่องการรอมชอมกับฝ่ายคู่กรณีหรือจะมาช่วยเหลือกันนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ทุกวันนี้ยังมีความสุขดีเมื่อได้ร้องเพลงของตัวเอง