ตำรวจ 191 รวบสาวใหญ่เปิดบริษัทจัดหาแรงงานไปต่างประเทศ เมื่อไปถึงแรงงานกลับถูกลอยแพ ด้านเจ้าตัวอ้างไม่มีใบอนุญาตเลยต้องปิดบริษัทหอบเงินกว่า 30 ล้านหนี ตรวจสอบประวัติหมายจับคดีฉ้อโกงเพียบ
วานนี้ (27 ก.ย.) เมื่อเวลา 22.30 น. พ.ต.ต.ดวงโชติ สุวรรณจรัส สว.งานสายตรวจ 2 กก.สตร.บก.สปพ.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ งานสายตรวจ 2 กก.สตร.บก.สปพ. นำกำลังเข้าจับกุมตัว นางปรยา จารึกสมาน อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 473/101 ซอยอ่อนนุช 10 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1805/2547 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2547 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง โดยจับกุมได้ที่บริเวณศูนย์อาหารชั้นใต้ดิน ศูนย์การค้าบิ๊กซี สาขาลาดพร้าว ถนนลาดพร้าว แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2545 ผู้ต้องหาได้เปิดบริษัทไทยลินเดเซียน จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 719 อาคารเคพีเอ็นทาวเวอร์ ถนนพระรามเก้า แขวงบางกะปิ เขตวังทองหลาง กทม. ซึ่งเปิดเป็นบริษัทจัดหาแรงงานไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยอ้างว่าจะพาไปทำงานที่ประเทศกาต้าร์ ซึ่งผู้ต้องหาเรียกเก็บเงินคนละ 2 แสนบาท ทำให้มีแรงงานเดินทางมาสมัคร จำนวนมาก
เมื่อแรงงานเดินทางไปถึงต่างประเทศกลับถูกลอยแพไม่มีงานทำตามที่มีการกล่าวอ้าง อีกทั้งเมื่อกลับมาถึงเมืองไทยก็พบว่าผู้ต้องหาได้ปิดบริษัทหลบหนีไปแล้ว รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดประมาณ 30 ล้านบาท จากนั้นแรงงานที่ถูกหลอกลวงได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดี และร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา แต่เรื่องยังอยู่ระหว่างดำเนินคดี นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหายังพบว่า มีหมายจับในคดีเดียวกันอีกกว่า 24 หมาย แต่หมดอายุความไปแล้ว 8 คดี และเคยถูกศาลอาญาตัดสินจำคุกเป็นเวลา 1 ปี แต่รออยู่ระหว่างลงอาญา และปรับเงิน จำนวน 40,000 บาท จนกระทั่งมาถูกจับกุมอีกเนื่องจากมีหมายจับคดีเดียวกันหลายท้องที่
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเปิดบริษัทจัดหางานจริง ซึ่งตนมีร้านอาหารอยู่ที่ประเทศกาตาร์ จึงต้องการหาแรงงานไปทำงาน ตนไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวง แต่ตนไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องทำให้ต้องปิดบริษัทหนี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากมีหมายจับในคดีเดียวกันอีกหลายท้องที่ และเปิดบริษัทมาตั้งแต่ปี 2545 อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
