“ความไม่เป็นเอกภาพใน ก.ต.ช.” นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) บุคคลที่ต้องแสดงภาวะความเป็นผู้นำในการใช้อำนาจให้ชัดลงไปว่า ผบ.ตร.คนใหม่ จะเอาใครกันแน่?
ระหว่าง “ปทีป ตันประเสริฐ” และ “จุมพล มั่นหมาย”
ไม่แค่นั้น ประธาน “มาร์ค” ยังสาธยายต่อว่า หากการแต่งตั้งต้องใช้ระยะเวลาเนิ่นนานเกินเดือนกันยายน ซึ่งหมายความว่ายังไม่ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ ก็จะไม่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย เพราะสามารถตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.มาปฏิบัติหน้าที่ได้
เมื่อชีวิตจริงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันนี้ มีนายตำรวจใหญ่ที่คร่ำหวอดเป็นแคนดิเดต มีคุณสมบัติเด่นชัดไม่ขัดกฎหมายการแต่งตั้ง และเหมาะที่จะถูกเลือกสรรมี 2 คน คือ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. แม้ในโค้งสุดท้ายท่ามกลางความไม่เป็นเอกภาพของ ก.ต.ช.จะมีชื่อ“บิ๊กจุ๋ม” มาแรง มีแววราศีจับบนใบหน้าว่าอาจได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ กุมบังเหียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขณะที่สถานการณ์ในความเป็นจริงทุกช็อต เกิดความเปลี่ยนแปลงนาทีต่อนาที กลับส่งผลให้ “อภิสิทธิ์” ผู้มีอำนาจในการเสนอชื่อต้องคิดหนัก จากเดิมที่ใจคิดและพร้อมผลักดัน “ปทีป ตันประเสริฐ” มาตลอด แต่ในคราวนี้กลับไม่แน่เสียแล้วว่าในใจนายกฯ ได้หมายมั่นกดปุ่มตั้ง “จุมพล มั่นหมาย” นั่ง ผบ.ตร.คนที่ 7 หรือไม่?
“ผมไม่เคยมีความเสียใจเรื่องตั้งยาก ตั้งง่าย ผมเสียใจว่า มีการนำเอาเรื่องนี้ไปวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และความเสียหาย ซึ่งหลายครั้งการวิพากษ์วิจารณ์ข้อมูลไม่ตรงกัน ถ้าจะเสียใจ จะเสียใจเรื่องนั้น แต่เรื่องการทำงานตรงนี้ ผมเคารพ อำนาจหน้าที่ทุกฝ่าย และยืนยันว่า ทุกสิ่งที่ผมทำอยู่บนผลประโยชน์ของส่วนรวม ฉะนั้นผมไม่มีอะไรเสียใจในเรื่องนี้”
นี่ก็อีกเหตุผลหนึ่งที่ “นายกฯ มาร์ค” ใช้เป็นข้ออ้าง พร้อมๆกับหวังว่าสักวันหนึ่ง มาตรการซื้อเวลาแต่งตั้ง ผบ.ตร. เพื่อรอให้สถานการณ์ความขัดแย้ง ความไม่เป็นเอกภาพ ใน ก.ต.ช.ตกผลึกเป็นเสียงเดียวกัน จะช่วยให้ เขา และ ก.ต.ช.มีภาพที่ดีขึ้น เมื่อตั้งใครเป็น ผบ.ตร.แล้วจะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์
แต่เมื่อชีวิตประจำวันของคนสีกากี กลับไม่มองเช่นนั้น อีกทั้งจากเหตุปัจจัยกรณีปัญหายังไม่ได้ ผบ.ตร.ตัวจริง เสียงจริง ทำให้ชีวิตพวกเขากลับมีปัญหามากยิ่งขึ้น...
จึงเป็นธรรมดาที่ภาพการถกเถียง ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้การพิจารณากลั่นกรองเพื่อแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจนถึงระดับผู้บัญชาการ (โผนายพล) ต้องล่ม ต้องเลื่อน ย้ำพฤติกรรมเลียนแบบ ก.ต.ช.ล่ม
ภายใต้เหตุผล ควรให้ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญเสียก่อน จากนั้นค่อยพิจารณาระดับรองลงมา เพื่อที่จะได้รอให้ ผบ.ตร.คนใหม่ มาเป็นผู้คัดสรรตัวบุคลากรที่จะทำงานตามนโยบายการบริหารงานให้เกิดศักยภาพต่อองค์กร
ทันทีที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ฐานะประธาน ก.ตร.ตัดสินใจเลื่อนพิจารณาวาระแต่งตั้งโยกย้ายไปก่อน
“พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ผู้ที่มีแผลบาดลึกอยู่ในใจกับการต้องถูกกระทำข้ามหัว ก็ก้าวขาออกจากห้องประชุม ก.ตร.เป็นคนแรก แถมออกมาป้องปากเป็นโทรโขงว่า... การยุติประชุมกะทันหันก็เพราะว่าตีกันวุ่นเลย เขาทะเลาะกัน...แล้วก็เดินกลับเข้าห้องทำงานของตนเองที่อยู่ใกล้ๆ กันไป
เหลือเวลาเพียง 8 วัน ถึง 30 กันยายน กับการที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรักษาราชการ ผบ.ตร.จะเกษียณอายุราชการ จึงทำให้ประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงคนแวดวงสีกากี อดวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะเอาอย่างไรกันแน่?
นัดประชุม ก.ต.ช.เพื่อเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นครั้งที่ 3 หลังวันที่ 30 ก.ย.หรือไม่ หรือตั้งรอง ผบ.ตร.คนใดคนหนึ่ง ขึ้นรักษาการ ผบ.ตร.ไปเรื่อยๆ....
ขณะที่ “นายกฯ มาร์ค” พูดย้ำอยู่เสมอว่า ผมในฐานะประธาน และมีความรับผิดชอบในการเสนอชื่อ ขอใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง กับการตัดสินใจ และเชื่อว่าจะหา ผบ.ตร.คนใหม่ที่เหมาะสมได้
ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า การแตะถ่วงซื้อเวลา เพื่อต่อรองตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ โฉมหน้า ผบ.ตร.คนใหม่ ในใจมาร์ค หลังเกิดความเป็นเอกภาพแล้ว จะเปลี่ยนมาเป็น “จุมพล มั่นหมาย” หรือไม่ หรือ นายกฯ มาร์ค ยังรักเดียวใจเดียวอยู่ที่ “ปทีป ตันประเสริฐ”
เพราะหากวันใด การประชุม ก.ต.ช.ครั้งที่ 3 ระฆังดังขึ้น นั่นหมายความว่า...“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ต้องชกไฟต์บังคับ ต้องได้ตัว ผบ.ตร.คนที่ 7
ระหว่าง “ปทีป ตันประเสริฐ” และ “จุมพล มั่นหมาย”
ไม่แค่นั้น ประธาน “มาร์ค” ยังสาธยายต่อว่า หากการแต่งตั้งต้องใช้ระยะเวลาเนิ่นนานเกินเดือนกันยายน ซึ่งหมายความว่ายังไม่ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ ก็จะไม่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย เพราะสามารถตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.มาปฏิบัติหน้าที่ได้
เมื่อชีวิตจริงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันนี้ มีนายตำรวจใหญ่ที่คร่ำหวอดเป็นแคนดิเดต มีคุณสมบัติเด่นชัดไม่ขัดกฎหมายการแต่งตั้ง และเหมาะที่จะถูกเลือกสรรมี 2 คน คือ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. แม้ในโค้งสุดท้ายท่ามกลางความไม่เป็นเอกภาพของ ก.ต.ช.จะมีชื่อ“บิ๊กจุ๋ม” มาแรง มีแววราศีจับบนใบหน้าว่าอาจได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ กุมบังเหียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขณะที่สถานการณ์ในความเป็นจริงทุกช็อต เกิดความเปลี่ยนแปลงนาทีต่อนาที กลับส่งผลให้ “อภิสิทธิ์” ผู้มีอำนาจในการเสนอชื่อต้องคิดหนัก จากเดิมที่ใจคิดและพร้อมผลักดัน “ปทีป ตันประเสริฐ” มาตลอด แต่ในคราวนี้กลับไม่แน่เสียแล้วว่าในใจนายกฯ ได้หมายมั่นกดปุ่มตั้ง “จุมพล มั่นหมาย” นั่ง ผบ.ตร.คนที่ 7 หรือไม่?
“ผมไม่เคยมีความเสียใจเรื่องตั้งยาก ตั้งง่าย ผมเสียใจว่า มีการนำเอาเรื่องนี้ไปวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และความเสียหาย ซึ่งหลายครั้งการวิพากษ์วิจารณ์ข้อมูลไม่ตรงกัน ถ้าจะเสียใจ จะเสียใจเรื่องนั้น แต่เรื่องการทำงานตรงนี้ ผมเคารพ อำนาจหน้าที่ทุกฝ่าย และยืนยันว่า ทุกสิ่งที่ผมทำอยู่บนผลประโยชน์ของส่วนรวม ฉะนั้นผมไม่มีอะไรเสียใจในเรื่องนี้”
นี่ก็อีกเหตุผลหนึ่งที่ “นายกฯ มาร์ค” ใช้เป็นข้ออ้าง พร้อมๆกับหวังว่าสักวันหนึ่ง มาตรการซื้อเวลาแต่งตั้ง ผบ.ตร. เพื่อรอให้สถานการณ์ความขัดแย้ง ความไม่เป็นเอกภาพ ใน ก.ต.ช.ตกผลึกเป็นเสียงเดียวกัน จะช่วยให้ เขา และ ก.ต.ช.มีภาพที่ดีขึ้น เมื่อตั้งใครเป็น ผบ.ตร.แล้วจะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์
แต่เมื่อชีวิตประจำวันของคนสีกากี กลับไม่มองเช่นนั้น อีกทั้งจากเหตุปัจจัยกรณีปัญหายังไม่ได้ ผบ.ตร.ตัวจริง เสียงจริง ทำให้ชีวิตพวกเขากลับมีปัญหามากยิ่งขึ้น...
จึงเป็นธรรมดาที่ภาพการถกเถียง ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้การพิจารณากลั่นกรองเพื่อแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจนถึงระดับผู้บัญชาการ (โผนายพล) ต้องล่ม ต้องเลื่อน ย้ำพฤติกรรมเลียนแบบ ก.ต.ช.ล่ม
ภายใต้เหตุผล ควรให้ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญเสียก่อน จากนั้นค่อยพิจารณาระดับรองลงมา เพื่อที่จะได้รอให้ ผบ.ตร.คนใหม่ มาเป็นผู้คัดสรรตัวบุคลากรที่จะทำงานตามนโยบายการบริหารงานให้เกิดศักยภาพต่อองค์กร
ทันทีที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ฐานะประธาน ก.ตร.ตัดสินใจเลื่อนพิจารณาวาระแต่งตั้งโยกย้ายไปก่อน
“พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ผู้ที่มีแผลบาดลึกอยู่ในใจกับการต้องถูกกระทำข้ามหัว ก็ก้าวขาออกจากห้องประชุม ก.ตร.เป็นคนแรก แถมออกมาป้องปากเป็นโทรโขงว่า... การยุติประชุมกะทันหันก็เพราะว่าตีกันวุ่นเลย เขาทะเลาะกัน...แล้วก็เดินกลับเข้าห้องทำงานของตนเองที่อยู่ใกล้ๆ กันไป
เหลือเวลาเพียง 8 วัน ถึง 30 กันยายน กับการที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรักษาราชการ ผบ.ตร.จะเกษียณอายุราชการ จึงทำให้ประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงคนแวดวงสีกากี อดวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะเอาอย่างไรกันแน่?
นัดประชุม ก.ต.ช.เพื่อเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นครั้งที่ 3 หลังวันที่ 30 ก.ย.หรือไม่ หรือตั้งรอง ผบ.ตร.คนใดคนหนึ่ง ขึ้นรักษาการ ผบ.ตร.ไปเรื่อยๆ....
ขณะที่ “นายกฯ มาร์ค” พูดย้ำอยู่เสมอว่า ผมในฐานะประธาน และมีความรับผิดชอบในการเสนอชื่อ ขอใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง กับการตัดสินใจ และเชื่อว่าจะหา ผบ.ตร.คนใหม่ที่เหมาะสมได้
ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า การแตะถ่วงซื้อเวลา เพื่อต่อรองตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ โฉมหน้า ผบ.ตร.คนใหม่ ในใจมาร์ค หลังเกิดความเป็นเอกภาพแล้ว จะเปลี่ยนมาเป็น “จุมพล มั่นหมาย” หรือไม่ หรือ นายกฯ มาร์ค ยังรักเดียวใจเดียวอยู่ที่ “ปทีป ตันประเสริฐ”
เพราะหากวันใด การประชุม ก.ต.ช.ครั้งที่ 3 ระฆังดังขึ้น นั่นหมายความว่า...“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ต้องชกไฟต์บังคับ ต้องได้ตัว ผบ.ตร.คนที่ 7
