“จอย” ให้ปากคำเพิ่มเหตุรถถูกสวมทะเบียนปลอม โวยตำรวจให้ข่าวเสียหายว่าเอกสารทั้งสองฝ่ายเป็นของจริง ยันตนมีหลักฐานการเป็นเจ้าของรถ พร้อมแฉกรมขนส่งรีบโทร.มาเคลียร์ขอร้องไม่ให้ฟ้องดำเนินคดี
วันนี้ (12 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ สน.บึงกุ่ม น.ส.ศิริลักษณ์ ผ่องโชค หรือ “จอย ศิริลักษณ์” นางเอกสาวคนดัง พร้อมนายสมคิด ผ่องโชค อายุ 61 ปี กับนางปิยะอร ผ่องโชค อายุ 54 ปี บิดาและมารดา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุชัย พุ่มไพศาลชัย รอง ผกก.สส.สน.บึงกุ่ม เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่รถโตโยต้า วิทซ์ สีแดง หมายเลขทะเบียน ศอ-6000 กทม. ของนางเอกสาว ถูกนายก่อเกียรติ สุตัณวณิชกุล อายุ 35 ปี นำรถโตโยต้า ยาริส สีแดง หมายเลขทะเบียน กฉ-8023 ภูเก็ต ซึ่งเป็นรถหนีไฟแนนซ์ ไปสวมทะเบียน
พ.ต.ท.สุชัย กล่าวว่า วันนี้ได้เรียก น.ส.ศิริลักษณ์ มาให้ปากคำเพิ่มเติมในฐานะผู้เสียหายเท่านั้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเอกสารการต่อทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกแล้วพบว่าเอกสารทั้งของ น.ส.ศิริลักษณ์ และนายก่อเกียรติ ต่างเป็นของจริงทั้งคู่ โดยของ น.ส.ศิริลักษณ์ เป็นการต่อทะเบียนปี 2552-2553 ส่วนเอกสารของนายก่อเกียรติ เป็นการต่อทะเบียน ปี 2551-2552 ซึ่งจากการสอบปากคำ นางชรินทร์ ชูตระกูล ผู้ชำนาญการการออกกรรมสิทธิ์เกี่ยวกับรถยนต์ กรมขนส่งทางบก ยืนยันว่าการต่อทะเบียนนั้นต่อได้ครั้งเดียว และจะต่อซ้ำซ้อนในปีเดียวกันไม่ได้ จึงได้มาสอบถาม น.ส.ศิริลักษณ์ ถึงเอกสารการต่อทะเบียนของในปี 2551-2552 ก็พบว่าเอกสารฉบับนั้นหายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
พ.ต.ท.สุชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากตรวจสอบการยื่นเอกสารต่อทะเบียนใน ปี 2551-2552 ของนายก่อเกียรตินั้น มีนางเกศินี แจ่มแจ้ง เป็นผู้รับเงิน ซึ่งจากการสอบถามเจ้าตัวก็จำได้แต่เพียง มีคนชื่อ “โอ๋” เป็นคนมายื่นขอต่อทะเบียน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนหาคนชื่อโอ๋มาสอบปากคำด้วย ส่วนกรณีที่นายก่อเกียรติ ผู้ต้องหาอ้างว่ารับจำนำรถมาจากนายหม้อกับนายพลนั้น ขณะนี้ฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ชุดจับกุมนายก่อเกียรติ และ กก.สืบสวน บก.น.4 กำลังสืบสวนขยายผลติดตามตัวมาสอบปากคำ
ด้าน น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ตนมีเอกสารหลักฐานเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อยาริส สีแดง ทะเบียน ศอ 6000 กรุงเทพมหานคร ถูกต้องตามกฎหมายครบทุกอย่าง แต่เหตุใดจึงมีการแจ้งให้นำเอกสารเป็นใบเสร็จเสียภาษีมาตรวจสอบเพิ่มเติม เหมือนจะสงสัยว่า ตนเป็นเจ้าของป้ายทะเบียนรถดังกล่าวจริงหรือไม่ ทั้งๆ ที่ตนเป็นผู้เสียหาย ซึ่งที่จริงแล้วตำรวจน่าจะไปสืบสวนเอาจากคนร้ายมากกว่า
นางเอกสาวคนดังกล่าวต่อว่า ตนยังไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมนายตำรวจใหญ่ทั้ง พล.ต.ต.ภาณุ เกิดภาลผล รอง ผบช.น.ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าจะต้องเชิญตนมาสอบปากคำ พร้อมตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเนื่องจากเอกสารของทั้งสองฝ่ายเป็นของจริงทั้งคู่ อีกทั้งยังบอกด้วยว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเคยพบเจ้าของรถเองจะทำทะเบียนเลขเดียวกันสวมรถในครอบครอง หรือให้คนรู้จักกันใช้เลขทะเบียนเดียวกัน นอกจากนี้ พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 ยังออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสื่อว่า ตรวจสอบใบเสร็จที่ออกในปี 2551-52 ของคนร้ายแล้วเป็นของจริง เป็นไปไม่ได้ว่าเลยที่จะเสียภาษีซ้ำซ้อน
คำพูดดังกล่าวจากตำรวจทั้งสองคนนี้ทำให้ตนเสียหาย อาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด อีกทั้งการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกไว้ว่าหากตนไม่มาให้ปากคำก็จะออกหมายเรียกด้วย ทำให้ตนไม่สบายใจเป็นอย่างมาก และขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับคนร้ายมาก่อน และก็ไม่รู้จักคนชื่อ “โอ๋” ที่ถูกระบุอยู่ในสำนวนสอบปากคำที่ สน.บางชัน ว่าเป็นผู้มาต่อทะเบียนรถของตน เมื่อปี 2551 ตนก็อยากจะทราบเหมือนกันว่า ตัวละครตัวนี้เป็นใครและมาจากไหน
ด้าน นายสมคิด ผ่องโชค พ่อของนางเอกสาวกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (11 ก.ย.) มีคนโทรศัพท์มาหาตน โดยอ้างว่าโทร.จากกรมการขนส่งทางบกขอไกล่เกลี่ยไม่ให้เอาเรื่อง กลัวกรมขนส่งจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งตนก็อยากจะให้ตำรวจสืบสวนตรงนี้ให้ชัดเจน นอกจากนี้ตนจะดำเนินคดีกับบุคคลที่ออกมาให้ข่าวเสียหายกับลูกตนด้วย
ตร.ขยายผลจับแก๊งสวมทะเบียนปลอมเลขรถ “น้องจอย”
รวบเสี่ยโรงพิมพ์สวมทะเบียนรถ “น้องจอย” อ้างรับจำนำมา 2 แสน
ตร.หน้าแตก! “น้องจอย” ไม่เคยฝ่าไฟแดง เชื่อถูกสวมทะเบียน!
“จอย ศิริลักษณ์” แจ้งจับแก๊งสวมทะเบียน! ทำซวยโดนเรียกปรับฝ่าไฟแดง