อนุ ก.ตร.สอบข้อเท็จจริงซื้อขายตำแหน่ง พร้อมส่งสำนวนสอบพบมีการทุจริตแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจปี 2551 ให้ “สุเทพ” ศุกร์นี้ พร้อมเสนอให้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ที่จะต้องมีตำแหน่งสูงกว่าผู้ที่ถูกสอบสวนขึ้นมาสืบสวนชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องต่อไป โดยต้องเป็นซี 11 ขึ้นไปสอบ “พัชรวาท”
วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสมศักดิ์ บุญทอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ตร.) ในฐานะประธาน คณะอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษ ตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง ประชุมคณะทำงาน เพื่อลงนามรายชื่อคณะทำงาน เพื่อส่งสำนวนการสอบสวนให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร.
นายสมศักดิ์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้คณะอนุ ก.ตร.ได้เรียบเรียงเอกสารข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนของข้อมูล โดยคณะอนุฯ ได้ลงนามในสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว และเตรียมส่งมอบให้นายสุเทพ วันที่ 11 ก.ย.นี้ เพื่อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อสืบสวน และชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจที่จะเรียกพยานบุคคล เข้าให้ปากคำ รวมถึงพยานเอกสารใดๆ ซึ่งคณะกรรมการชุดใหม่ จะต้องมีตำแหน่งสูงกว่าผู้ที่ถูกสอบสวน
“ส่วนกรณีที่จะสอบสวน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ก็จะต้องเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า โดยต้องเป็นข้าราชการระดับ 11 ขึ้นไป ส่วนมติอนุ ก.ตร.ชุดนี้ ยังยืนยันความเห็นเดิม คือพบว่ามีการทุจริตในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจวาระประจำปี ในปี 2551 ส่วนกรณีที่มีมติคณะอนุฯ ว่า จะส่งสำนวนให้ นายสุเทพ ในวันนี้นั้น ก็ไม่ได้เป็นการเลื่อนส่งสำนวนแต่อย่างใด สำนวนเสร็จจสิ้นหมดแล้ว แต่รอที่จะส่งในวันศุกร์นี้” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวด้วยว่า ในสำนวนไม่ได้มีเสนอรายชื่อตำรวจที่คาดว่ามีความผิดในการแต่งตั้งตำรวจวาระประจำปี 2551 เพียงแต่ระบุว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ในสำนวนของคณะอนุฯ จะไม่ได้ระบุรายชื่อลงไปว่าใครมีความผิด ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดต่อไปที่ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจก่อนปี 2551 และปี 2552 ด้วยนั้น ทางคณะอนุฯ คงไม่สามารถทำได้ เพราะเกินอำนาจของคณะอนุฯชุดนี้ แต่จะเสนอนายสุเทพไปพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกดดันในการสอบสวนหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้กดดันอะไร และคาดว่าจะนำสำนวนการสอบสวนเรื่องนี้ เสนอความเห็นให้นายสุเทพได้ตามกำหนดในวันที่ 11 ก.ย.นี้อย่างแน่นอน
วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสมศักดิ์ บุญทอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ตร.) ในฐานะประธาน คณะอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษ ตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง ประชุมคณะทำงาน เพื่อลงนามรายชื่อคณะทำงาน เพื่อส่งสำนวนการสอบสวนให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร.
นายสมศักดิ์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้คณะอนุ ก.ตร.ได้เรียบเรียงเอกสารข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนของข้อมูล โดยคณะอนุฯ ได้ลงนามในสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว และเตรียมส่งมอบให้นายสุเทพ วันที่ 11 ก.ย.นี้ เพื่อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อสืบสวน และชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจที่จะเรียกพยานบุคคล เข้าให้ปากคำ รวมถึงพยานเอกสารใดๆ ซึ่งคณะกรรมการชุดใหม่ จะต้องมีตำแหน่งสูงกว่าผู้ที่ถูกสอบสวน
“ส่วนกรณีที่จะสอบสวน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ก็จะต้องเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า โดยต้องเป็นข้าราชการระดับ 11 ขึ้นไป ส่วนมติอนุ ก.ตร.ชุดนี้ ยังยืนยันความเห็นเดิม คือพบว่ามีการทุจริตในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจวาระประจำปี ในปี 2551 ส่วนกรณีที่มีมติคณะอนุฯ ว่า จะส่งสำนวนให้ นายสุเทพ ในวันนี้นั้น ก็ไม่ได้เป็นการเลื่อนส่งสำนวนแต่อย่างใด สำนวนเสร็จจสิ้นหมดแล้ว แต่รอที่จะส่งในวันศุกร์นี้” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวด้วยว่า ในสำนวนไม่ได้มีเสนอรายชื่อตำรวจที่คาดว่ามีความผิดในการแต่งตั้งตำรวจวาระประจำปี 2551 เพียงแต่ระบุว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ในสำนวนของคณะอนุฯ จะไม่ได้ระบุรายชื่อลงไปว่าใครมีความผิด ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดต่อไปที่ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจก่อนปี 2551 และปี 2552 ด้วยนั้น ทางคณะอนุฯ คงไม่สามารถทำได้ เพราะเกินอำนาจของคณะอนุฯชุดนี้ แต่จะเสนอนายสุเทพไปพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกดดันในการสอบสวนหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้กดดันอะไร และคาดว่าจะนำสำนวนการสอบสวนเรื่องนี้ เสนอความเห็นให้นายสุเทพได้ตามกำหนดในวันที่ 11 ก.ย.นี้อย่างแน่นอน