อัยการเลื่อนสั่งคดี “จักรภพ” หมิ่นเบื้องสูงออกไปอีก 1 เดือน หลังสอบเพิ่มเติมแปลถ้อยคำภาษาอังกฤษไม่เสร็จ อธิบดีฝ่ายคดีอาญาเผยกระบวนการยังไม่เสร็จ หากอัยการมีคำสั่งฟ้องนายจักรภพไม่มาก็ต้องออกหมายจับ ด้านทนายจักรภพทำตาใส อ้างไม่ได้ติดต่อและไม่รู้ที่อยู่ของนายจักรภพ
วันนี้ (4 ก.ย.) เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 มีคำสั่งเลื่อนนัดสั่งคดีที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นผู้ต้องหาคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการเป็นผู้บรรยายกล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2550 เนื่องการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปลถ้อยคำที่นายจักรภพพูดเป็นภาษาอังกฤษ
นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งเลื่อนนัดสั่งคดีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง จากการเป็นผู้บรรยายกล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษโดยมีถ้อยคำเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2550 เนื่องจาก นายอำนาจ มุทิตาเจริญ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 หัวหน้าคณะทำงานอัยการคดีนี้ ยังไม่ส่งผลสรุปความเห็นอัยการเกี่ยวกับการสั่งคดีนายจักรภพมาให้พิจารณา อีกทั้งพนักงานสอบสวนยังไม่ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นการแปลเอกสารคำบรรยายภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย รวมทั้งยังไม่ส่งผลการสอบปากคำพยานบุคคลที่นายจักรภพร้องขอความเป็นธรรมให้สอบเพิ่มเติมมาให้ทำให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 ยังไม่สรุปว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องคดีนี้โดยให้เลื่อนนัดนายจักรภพมาฟังคำสั่งคดีออกไปอีก 1 เดือน
อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญากล่าวว่า กระบวนการพิจารณาของอัยการยังไม่เสร็จจึงยังไม่มีคำสั่งว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องนายจักรภพ จึงไม่จำเป็นต้องออกหมายจับผู้ต้องหา แต่หากที่สุดแล้วอัยการมีคำสั่งฟ้องนายจักรภพไม่มาฟังคำสั่งก็จะต้องทำตามขั้นตอนออกหมายจับต่อไป
ขณะที่ นายศักดา นพสิทธิ์ ทนายความนายจักรภพกล่าวว่า อัยการยังไม่มีความเห็นสั่งคดีนี้เนื่องจากต้องรอผู้เชี่ยวชาญภาษาแปลคำบรรยายภาษาอังกฤษ ซึ่งยังแปลไม่เสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายจักรภพเคยแปลคำบรรยายและยื่นต่ออัยการเพื่อชี้ให้อัยการเห็นถึงเจตนาคำบรรยายว่าไม่ได้มีเจตนาหมิ่นสถาบัน ดังนั้น คดีนี้อัยการไม่ควรมองเพียงลายลักษณ์อักษรที่ตำรวจแปลส่งมาอย่างเดียว
นายศักดากล่าวด้วยว่า ไม่ได้ติดต่อนายจักรภพนานแล้ว และไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด หากถึงที่สุดอัยการคดีนี้มีคำสั่งเกี่ยวกับคดีออกมาก็คงเป็นหน้าที่ของตำรวจติดตามตัวมาส่งอัยการ
