อนุ ก.ตร.เรียก ผบช.ภ.8 ชี้แจงข้อมูลแต่งตั้งนายตำรวจ ขณะที่ “นพดล” เผยการแต่งตั้งโยกย้ายปี 51 พบร้องเรียนมาก คาดศุกร์ที่ 4 ก.ย.จะสรุปและมีข้อมูลเพียงพอน่าพอใจ อึกอักเจอปมซื้อขายเก้าอี้ อ้างยังไม่มีใครกล้ายัน ระบุหากตรวจพบใครทำผิดพร้อมส่งให้นายทางโทษวินัย-อาญา
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ บุญทอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ ก.ตร.ชุดพิเศษตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะอนุ ก.ตร. โดยวันนี้ได้เรียก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 เข้าให้ข้อมูลและชี้แจงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ในฐานะโฆษก คณะอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง กล่าวก่อนประชุมว่า วันนี้ได้เรียก พล.ต.ท.สัณฐาน เข้าชี้แจง รวมทั้งมีบุคคลที่ พ.ต.ท.วีระยศ ชื่นกลิ่นธูปศิริ รอง ผกก.ป.สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ให้การพาดพิง แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวจะกล้าเข้ามาให้ปากคำหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากบัญชีปี 52 พบว่าไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปี 51 พบว่า มีการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจะมีการประชุมในวันนี้ และวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.จะสรุปผลจากข้อมูลที่ผ่านมาคาดว่าจะได้ข้อมูลที่เพียงพอและน่าพอใจ
เมื่อถามว่า การโยกย้ายปี 52 ไม่พบการซื้อขายตำแหน่งใช่หรือไม่ พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่มี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้ง และยังไม่มีใครออกมายืนยัน ตนก็เคยโทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน แต่ไม่มีใครกล้าออกมายืนยัน ส่วนกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่ามีพยานยืนยันเรื่องซื้อขายตำแหน่งประมาณ 4-5 คนนั้นก็ยังไม่ได้พูดคุย เพราะยังไม่มีการติดต่อมา และยังไม่ได้รับเอกสารการร้องเรียน มีเพียงคำบอกเล่าของนายศิริโชค
ส่วนกรณีการแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผบก.ลงไป ซึ่งที่ผ่านการเห็นชอบยกเว้นคุณสมบัติตามโครงสร้างใหม่ ตร. จากที่ประชุม ก.ตร.มีจำนวน 688 นาย พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า เป็นการยกเว้นคุณสมบัติบางประการ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตำแหน่งที่ได้รับการยกเว้นเป็นการขาดคุณสมบัติในเรื่องของวุฒิการศึกษา การฝึกอบรม ซึ่งนายตำรวจที่ได้รับการยกเว้นส่วนใหญ่ทำงานในหน้าที่นั้นอยู่แล้ว นอกจากนี้เป็นการเกลี่ยจากสำนักงานลงมา เพื่อมาลงตำแหน่งในระนาบเดียวกัน สำหรับผลการประชุมทั้งหมดนั้นจะสามารถสรุปผลได้ในวันศุกร์นี้ โดยยืนยันว่า หากบุคคลใดมีความผิดจริงจะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย และอาญา
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ บุญทอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ ก.ตร.ชุดพิเศษตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะอนุ ก.ตร. โดยวันนี้ได้เรียก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 เข้าให้ข้อมูลและชี้แจงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ในฐานะโฆษก คณะอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่ง กล่าวก่อนประชุมว่า วันนี้ได้เรียก พล.ต.ท.สัณฐาน เข้าชี้แจง รวมทั้งมีบุคคลที่ พ.ต.ท.วีระยศ ชื่นกลิ่นธูปศิริ รอง ผกก.ป.สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ให้การพาดพิง แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวจะกล้าเข้ามาให้ปากคำหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากบัญชีปี 52 พบว่าไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปี 51 พบว่า มีการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจะมีการประชุมในวันนี้ และวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.จะสรุปผลจากข้อมูลที่ผ่านมาคาดว่าจะได้ข้อมูลที่เพียงพอและน่าพอใจ
เมื่อถามว่า การโยกย้ายปี 52 ไม่พบการซื้อขายตำแหน่งใช่หรือไม่ พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่มี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้ง และยังไม่มีใครออกมายืนยัน ตนก็เคยโทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน แต่ไม่มีใครกล้าออกมายืนยัน ส่วนกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่ามีพยานยืนยันเรื่องซื้อขายตำแหน่งประมาณ 4-5 คนนั้นก็ยังไม่ได้พูดคุย เพราะยังไม่มีการติดต่อมา และยังไม่ได้รับเอกสารการร้องเรียน มีเพียงคำบอกเล่าของนายศิริโชค
ส่วนกรณีการแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผบก.ลงไป ซึ่งที่ผ่านการเห็นชอบยกเว้นคุณสมบัติตามโครงสร้างใหม่ ตร. จากที่ประชุม ก.ตร.มีจำนวน 688 นาย พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า เป็นการยกเว้นคุณสมบัติบางประการ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตำแหน่งที่ได้รับการยกเว้นเป็นการขาดคุณสมบัติในเรื่องของวุฒิการศึกษา การฝึกอบรม ซึ่งนายตำรวจที่ได้รับการยกเว้นส่วนใหญ่ทำงานในหน้าที่นั้นอยู่แล้ว นอกจากนี้เป็นการเกลี่ยจากสำนักงานลงมา เพื่อมาลงตำแหน่งในระนาบเดียวกัน สำหรับผลการประชุมทั้งหมดนั้นจะสามารถสรุปผลได้ในวันศุกร์นี้ โดยยืนยันว่า หากบุคคลใดมีความผิดจริงจะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย และอาญา