“ธีระเดช” ชี้คนทำงานสันติบาลต้อง “ปิดทองหลังพระ-ไม่มาประจ๋อประแจ๋วิ่งโน้นนี้” ต้องมีอุดมการณ์ มีคุณธรรมไม่เอนเอียง มาอยู่แล้วทำงานไม่ได้จะประจานตัวเอง ไม่เหมือนงานโรงพัก ยันไม่มีซื้อขายตำแหน่ง ท้าพิสูจน์ความจริง ลั่นเอาตำแหน่งเป็นเดิมพัน แย้มสมัยเรียนมีฉายาว่า “ไอ้โหนอ เหมือนกัน
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวก่อนเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งว่า เหตุผลที่ตำรวจอยากมาอยู่ในสังกัด บช.ส. เป็นเพราะงานของตำรวจสันติบาลเป็นงานอิสระ ไม่ต้องเข้าระบบมากนัก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เป็นที่นิยมของตำรวจที่ไม่ชอบใส่เครื่องแบบ และมีโอกาสได้ไปทำงานในภูมิลำเนาของตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีตั๋วฝากมาบ้างหรือไม่ พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า คราวนี้ไม่มีเลย เพราะครั้งนี้ไม่ได้เปิดกว้าง อำนาจในการออกคำสั่งเป็นของ ผบ.ตร. ซึ่งวันนี้ได้นำหลักฐานที่เป็นบัญชีที่นำเสนอ สตช.มาชี้แจงว่าทำไมถึงเสนอบุคคลนี้ และยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง เพราะคนที่มาอยู่ บช.ส.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่มีผลประโยชน์ ซึ่งถ้าอนุ ก.ตร.ไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์กัน ตั้งกรรมการไปดูว่าระบบงานของสันติบาลขณะนี้ คนที่จะทำงานข่าวได้ดีต้องเป็นคนปิดทองหลังพระ ไม่มาประจ๋อประแจ๋วิ่งไปหาคนโน้นคนนี้ คนที่มาอยู่ต้องค่อนข้างจะมีอุดมการณ์พอสมควร ถ้ามาแล้วมาทำไม่ได้ต้องประจานตัวเอง ไม่เหมือนงานโรงพัก ที่งานจะเข้ามาหา แต่งานสันติบาลข่าวที่ให้ต้องมีคุณธรรมพูดความจริงไม่เอนเอียง
เมื่อถามว่าใน บช.ส.มีการโยกย้ายมากเท่าใด พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ระดับ ผกก.6 ตำแหน่ง รอง ผกก.6 ตำแหน่ง สว.18 ตำแหน่ง ช่วงนี้ไม่ปรากฏเด็กฝากแต่ที่ผ่านมามีบ้างผสมผสานกันการเมืองก็ฝาก ข้าราชการเก่าก็ฝาก ผู้หลักผู้ใหญ่เก่าก็ฝาก ระบบตรงนี้ต้องว่ากันในภาพรวม เมื่อถามว่า มีการเสนอผลประโยชน์อะไรให้หรือไม่ ผบช.ส.กล่าวว่า ไม่มี เขารู้จักธีระเดชดี ถ้ามีเรื่องเงินมาเมื่อไหร่ก็ต้องมีเรื่องทะเลาะกันแน่ ความเกรงใจก็มี บางทีเขาบอกว่าเขาทำความดีให้สังคมมามากขอแค่คนเดียวไม่ได้หรืออย่างไร ก็ต้องให้เขาบ้าง ทั้งนี้ก็นำหลักเกณฑ์ที่ สตช.กำหนดมาจัด ถ้าผิดหลักเกณฑ์ก็ไม่ได้
“เรื่องเงินไม่มี ตอนนี้มีแต่คนไม่พอกับตำแหน่ง ต้องไปสืบถ้าเผื่อมีข่าวว่าใครรับเงินมาให้ผบช.ถ้าพิสูจน์ได้ไม่ต้องมาตั้งกรรมการ ผบช.ส.จะลาออกเลยและว่าไปช่วยกันสืบหน่อยว่าสันติบาลมีเสียเงินหรือไม่” ผบช.ส.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จัก “จ๋อย” หรือไม่ พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวว่า ถ้าหมายถึงคนนั้นเราก็เรียกกันมาตั้งแต่นักเรียนเตรียมทหาร ที่เพื่อนตั้งฉายานั้นเพราะอยู่ทีไหนก็ได้ยินเสียงแจ๋วๆ ดังกล่าวกว่าเพื่อน เลยเรียกกันว่าไอ้จ๋อย มีคนบอกแล้วว่าเป็นใคร ซึ่งในรุ่นตั้งฉายากัน ตนก็มีฉายาที่เพื่อนเรียกกันว่า “ไอ้โหนก”