สลด..สาวทาสยาบ้า ติดยางอมแงมแอบไปเสพยานอกบ้าน แม่จับได้ถูกต่อว่าถึงกับเครียดคว้ากระปุกออมสินทุบหัวแม่ตัวเองจนเลือดอาบ ก่อนควบคุมตัวเองไม่อยู่คว้ากรรไกรวิ่งไล่แทงชาวบ้านบาดเจ็บ 2 ราย สารภาพติดยาหนักต้องเข้ารักษาอาการทางประสาทที่ รพ.ธัญญรักษ์
วันนี้ (23 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.อ.รณชัย พรมบุตร หัวหน้าสายตรวจ สน.สุทธิสาร รับแจ้งมีเหตุหญิงคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายแม่ตัวเองและชาวบ้านในซอยประชาสงค์เคราะห์ 47 ซอยย่อยสมบูรณ์พัฒนา แขวงและเขตดินแดง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.สุทธิสาร รุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุทันที
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 9/6 ในซอยดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบชาวบ้านช่วยกันจับกุมตัว น.ส.สุวิมล ทองภูมิ อายุ 22 ปี ผู้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว กำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง สวมเสื้อยืดสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้นลายสกอตสีขาว-ดำ มีรอยเลือดกระเซ็นติดอยู่ทั่วตัว และของกลางกรรไกรเปื้อนเลือด 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สน.สุทธิสาร
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุพบเพียงกองเลือดขนาดใหญ่ ส่วนผู้บาดเจ็บมีด้วยกัน 3 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชวิถีไปก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบด้วย นางวิไล รักชาติประเสริฐ อายุ 50 ปี แม่ของ น.ส.สุวิมล ได้รับบาดเจ็บถูกกระปุกออมสินทุบศีรษะแตก น.ส.กุสุมา รีวังษ์ อายุ 39 ปี ถูกแทงด้วยกรรไกรเข้าที่บริเวณต้นขาซ้าย 1 แผล และนายอานนท์ โอสาร อายุ 50 ปี มีแผลถลอกตามร่างกายเล็กน้อย
จากการสอบสวน น.ส.สุวิมล ซึ่งยังอยู่ในอาการคล้ายคนโรคประสาท ให้การพอจับใจความได้ว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยอยู่กินกับสามีคนหนึ่งมาจนมีลูกด้วยกัน 1 คน ตอนนี้อายุได้ 5 ขวบแล้ว ซึ่งระหว่างที่อยู่กินด้วยกันนั้น สามีก็เคยชวนให้ตนลองเสพยาบ้าหลายครั้ง แต่หลังจากเลิกรากันไปตนก็เครียดหนักเลยไปซื้อยาบ้ามาเสพจนติดงอมแงม และมีอาการทางประสาทจนต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลธัญญรักษ์มาแล้ว
น.ส.สุวิมล ร่ำไห้กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุตนก็แอบไปเสพยาบ้าข้างนอกบ้าน พอกลับเข้ามาในบ้านก็ถูกแม่จับได้ เลยโดนแม่ด่าจนตนเกิดอาการเครียด และโมโหเลยไปหยิบกระปุกออกสินมาทุบใส่แม่จนหัวแตก จากนั้นก็มีชาวบ้านพากันมาห้าม ช่วงนั้นไม่สามารควบคุมตัวเองได้เลยคว้ากรรไกรแทงใส่ชาวบ้านจนเจ็บไปอีก 2 คน ก่อนที่จะถูกชาวบ้านคนอื่นมาจับตัวเอาไว้
ด้าน พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนวัฒน์ ผกก.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวไปตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด พร้อมส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลว่า มีอาการทางประสาทจริงหรือไม่ ซึ่งหากไม่พบว่าป่วยมีอาการทางประสาท ก็จะต้องแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บต่อไป