อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา แจงพันธมิตรฯใช้สิทธิ์ไม่รับทราบข้อกล่าวหาได้ แต่เพิ่งเคยเห็นแนวทางสู้ใหม่ ร้องให้พนักงานสอบสวนเปลี่ยนข้อหา ชี้หากเห็นว่าตั้งข้อหาแรงเกินจริ งร้องขอความเป็นธรรมชั้นอัยการได้
วันนี้ (17 ก.ค.) นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึงกรณีแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่รับทราบข้อกล่าวหาก่อการร้าย กรณีปิดสนามบินดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ เนื่องจากเห็นว่ารุนแรงเกินจริง ว่า ขั้นตอนเกี่ยวกับการแจ้งข้อหาคดีอาญานั้น เมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ที่จะแสดงพยานหลักฐาน หรือให้การรับ หรือปฎิเสธข้อกล่าวหาได้ จากนั้นพนักงานสอบสวนก็จะต้องทำสำนวนพร้อมความเห็นส่งให้กับพนักงานอัยการ โดยต้องระบุว่า ควรฟ้องผู้ต้องหา เนื่องจากกระทำความผิดข้อหาใด และอธิบายพฤติการณ์ผู้ถูกกล่าวหามาในสำนวนให้อัยการพิจารณา ซึ่งถ้าหากผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมชั้นพนักงานสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่พิจารณาพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหา หรือตั้งข้อหาแรงเกินไป ก็สามารถยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการได้
“การที่พันธมิตรฯปฏิเสธข้อหาก่อการร้าย เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งรัฐธรรมนูญรับร้องไว้ ที่ผู้ถูกกล่าวหาจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาได้ แต่ผมไม่เคยเห็นการเคลื่อนไหวแบบกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ร้องให้พนักงานสอบสวนเปลี่ยนข้อกล่าวหา เพราะสามารถร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการได้ ซึ่งก็ต้องดูว่า พนักงานงานสอบสวนจะยืนยันที่จะส่งสำนวนอัยการฟ้องข้อหาก่อการร้าย หรือจะเปลี่ยนข้อกล่าวหา” อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าว