ตำรวจภูธรภาค 1 โชว์จับหนุ่ม 27 เตรียมขนยาบ้ากว่า 2 แสนเม็ด ส่งผู้ว่าจ้างย่านห้วยขวาง หลังสายลับแจ้งจะมีการลอบส่งยา จึงนำกำลังดักซุ่มและเข้าจับกุมตัว ก่อนตรวจค้นห้องพักพบยาบ้าของกลางเพียบ ผู้ต้องสารภาพเพิ่งทำมา 2 ครั้ง ตร.ไม่ปักใจเชื่อ เตรียมขยายผลจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ศสส.ภ.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.ศสส.ภ.1 และ นายสุภาพ สวงโท ผอ.ปปส.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายปริญญา แซ่ลี้ อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 234,000 เม็ด กระเป๋าเดินทางสีน้ำเงิน 1 ใบ กระเป๋าหูหิ้วสีน้ำเงิน 1 ใบ กระดาษเขียนแผนที่ 1 ใบ กุญแจห้อง 9505 ตึก A9 อาคารซัมมิตอพาร์ทเม้นท์ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
พล.ต.อ.จุมพล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบส่งยาบ้าจำนวนมาก บริเวณตึก A9 อาคารซัมมิตอพาร์ทเม้นท์ ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงได้นำกำลังไปซุ่มสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียง จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.ก็พบชายต้องสงสัยโดยสารมากับรถแท็กซี่ ท่าทางมีพิรุธ และเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ชุดติดตามจึงพยายามวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่มอยู่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
พล.ต.อ.จุมพล กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นตามร่างกายพบกุญแจห้องหมายเลข 9505 ตึก A 9 จำนวน 1 ดอก และแผนที่เดินทางมายังอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการตรวจค้นภายในห้องพักตามแผนที่ระบุไว้ก็พบยาบ้าจำนวนดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางวางอยู่บริเวณหลังห้อง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลางพร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหามาทำการสอบปากคำ
จากการสอบสวนนายปริญญาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากพี่ที่รู้จักกันให้ไปขนยาบ้ามาส่งมอบให้ โดยจะได้ค่าจ้างหลังเสร็จงาน จึงได้เดินทางไปเอาแผนที่และกุญแจห้องจากผู้ว่าจ้างที่บ้านพักย่านห้วยขวาง พร้อมกับได้ค่ารถมา 1,000 บาท จากนั้นจึงเดินทางไปขนยาบ้าที่อพาร์ตเมนต์ดังกล่าว เมื่อได้ยาบ้าแล้วตนจะต้องนำมาส่งมอบให้ผู้ว่าจ้างที่ย่านห้วยขวางอีกครั้ง แต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อนตนเคยกระทำการลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นคนถือกุญแจ
พล.ต.อ.จุมพล กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งจะต้องสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายต่อผู้ต้องหา ก่อนจะทำการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีต่อไป
