ตร.กองปราบ หิ้ว สองผัวเมียโกงแบงก์ ธอส.300 ล้าน ฝากขังคดีฟอกเงิน ค้านประกัน เกรงหลบหนี ไปยุ่งกับพยานหลักฐานทำให้เสียหาย
วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ชวลิต หาญสเน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ควบคุมตัวนายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อายุ 34 ปี อดีตพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาเซ็นต์หลุยส์ 3 และนางพุทธชาติ หรือ ก้อย วงศ์จันทะ อายุ 25 ปี ภรรยา ผู้ต้องหาที่ 1-2 ในความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กรณีที่ นายสมเกียรติ ลักลอบโอนเงินดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากธนาคาร ธอส.สำนักงานใหญ่ เข้าบัญชีตนเอง รวม 322,320,223.86 บาท มายื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.-8 มิ.ย.เนื่องจากต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 40 ปาก และตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากหน่วยราชการ ธนาคารจำนวนมาก รวมทั้งรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร โดยพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ด้วน เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และไปยุ่งกับพยานหลักฐานทำให้เกิดความเสียหาย
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนป้องกันและปราบปราม ได้ควบคุมตัว นายสมเกียรติ ผู้ต้องหาที่ 1 มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกในข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.335(11) ซึ่งการฝากขังดังกล่าวศาลได้ยกคำร้องขอประกันตัว เนื่องจากเห็นว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนี เพราะพฤติการณ์แห่งคดีมีมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท
วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ชวลิต หาญสเน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ควบคุมตัวนายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อายุ 34 ปี อดีตพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาเซ็นต์หลุยส์ 3 และนางพุทธชาติ หรือ ก้อย วงศ์จันทะ อายุ 25 ปี ภรรยา ผู้ต้องหาที่ 1-2 ในความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กรณีที่ นายสมเกียรติ ลักลอบโอนเงินดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากธนาคาร ธอส.สำนักงานใหญ่ เข้าบัญชีตนเอง รวม 322,320,223.86 บาท มายื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.-8 มิ.ย.เนื่องจากต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 40 ปาก และตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากหน่วยราชการ ธนาคารจำนวนมาก รวมทั้งรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร โดยพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ด้วน เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และไปยุ่งกับพยานหลักฐานทำให้เกิดความเสียหาย
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนป้องกันและปราบปราม ได้ควบคุมตัว นายสมเกียรติ ผู้ต้องหาที่ 1 มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกในข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.335(11) ซึ่งการฝากขังดังกล่าวศาลได้ยกคำร้องขอประกันตัว เนื่องจากเห็นว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนี เพราะพฤติการณ์แห่งคดีมีมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท