xs
xsm
sm
md
lg

จับ “สห.ทร.” ลอบขนอาวุธสงครามให้โจรใต้!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจรถไฟรวบ “จ่าเอก” สารวัตรทหาร สังกัดกองสารวัตรทหาร กรมอู่ทหารเรือ ลักลอบขนอาวุธสงครามจำนวนมากให้ลูกค้าจังหวัดนราธิวาส พร้อมเร่งส่งอาวุธปืนทั้งหมดให้กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจว่าเคยใช้ทำความผิดในคดีใดมาก่อนหรือไม่ และตรวจหาเลขทะเบียนปืนที่ขูดลบออกไป คาดอะไหล่ของอาวุธปืนบางส่วนน่าจะเป็นของราชการ

วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟสามารถทำการจับกุมผู้ต้องหากลุ่มคนมีสีซึ่งลักลอบขนอาวุธและลำเลียงยาเสพติดส่งให้เครือข่ายผู้ร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงรีบรุดไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สน.นพวงษ์

จากการสอบถาม พ.ต.อ.ชัยพงษ์ เจริญชัยเนาว์ รอง ผบก.รฟ.เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าวมีอยู่จริงสืบเนื่องมาจากเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาขณะที่ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอยู่ในสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ก็ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ ว่าพบผู้ต้องสงสัยหอบหิ้วสัมภาระเป็นกระเป๋าเป้สีแดงใบใหญ่ และมีน้ำหนักมากผิดปกติบริเวณที่นั่งหมายเลข 34 ของรถไฟขบวนด่วนพิเศษขบวนที่ 37 ซึ่งวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-สุไหงโกลก เลยรีบเดินทางขึ้นไปตรวจสอบพบเจ้าของกระเป๋าใบดังกล่าวชื่อนายสยาม เจ๊ะสานิ อยู่บ้านเลขที่ 132/2 หมู่ที่ 8 ต.กายูคละ อ.แว้ง จ.นราธิวาส มีอาการตาลอยและกระสับกระส่ายคล้ายมีอาการเมายา จึงขอแสดงตัวเพื่อตรวจค้น

พ.ต.อ.ชัยพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบกระเป๋าเป้ใบดังกล่าว พบของกลางเป็นอาวุธสงครามและยาเสพติดจำนวนมาก ประกอบด้วย อาวุธปืนขนาดเอ็ม 16 รุ่น 101 ไม่มีเครื่องหมายและหมายเลขทะเบียนบอกว่ามาจากที่ใด, อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ยี่ห้อบราวนิ่ง หมายเลขทะเบียนถูกขูดลบออกไป 1 กระบอก, อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .22 ยี่ห้อสมิธ แอนด์ เวสสัน 1 กระบอก, ซองกระสุนปืนเอ็ม 161 ซอง, เครื่องกระสุนปืนขนาดเอ็ม 16 จำนวน 20 นัด, ขนาด 9 มม.จำนวน 35 นัด, ขนาด .22 จำนวน 6 นัด, ขนาด .357 จำนวน 6 นัด และขนาด .38 อีก 30 นัด

ส่วนยาเสพติดที่พบ คือ โซแรม บรรจุในขวด 995 เม็ด โดยสารเสพติดชนิดนี้มักใช้ผสมกับใบกระท่อมบด และดี.ดี.ที. ผลิตเป็นยาเสพติดประเภท 4 คูณ 100 ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหารายนี้มาทำการสอบสวนขยายผลที่ สน.นพวงษ์

พ.ต.อ.ชัยพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า จากการสอบสวน นายสยามกำลังจะนำของกลางทั้งหมดไปส่งให้ลูกค้าชื่อ นายสมชาย มูดอ อายุ 29 ปี ที่จ.นราธิวาส เมื่อเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่านำอาวุธปืนจำนวนมากมาจากไหน ผู้ต้องหาจึงแสดงตัวว่าเป็น “จ่าเอก” สารวัตรทหารสังกัดกองสารวัตรทหาร กรมอู่ทหารเรือมีความรู้เกี่ยวกับอาวุธปืนและสามารถซ่อมและประกอบอาวุธปืนต่างๆได้ จากนั้นจึงร้องขอให้เจ้าหน้าที่เร่งประสานไปยังต้นสังกัดเพื่อขอให้ส่งนายทหารพระธรรมนูญเข้ารับฟังการสอบสวนตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ซึ่งเมื่อนายทหารพระธรรมนูญเดินทางมาถึงผู้ต้องหาก็เปลี่ยนท่าทีเป็นไม่ยอมให้การใดๆ แก่ตำรวจโดยขอไปให้การในชั้นศาล เท่านั้น

“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหามีอาวุธสงครามและอาวุธปืนไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นนายทหารพระธรรมนูญจึงยื่นคำร้องขอนำตัวกลับไป ควบคุมตัวไว้ยังต้นสังกัด ส่วนอาวุธปืนของกลางที่ยึดได้ ขณะนี้กำลังส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบว่าเคยใช้ในการกระทำความผิดในคดีใดมาก่อนบ้างหรือไม่และจะตรวจสอบหาเลขทะเบียนปืนที่ขูดลบออกไป แต่สันนิษฐานว่าอะไหล่ของอาวุธปืนบางส่วนน่าจะเป็นของราชการและบางส่วนอาจจะนำเข้ามาทางชายแดน” พ.ต.อ.ชัยพงษ์ กล่าว

มีรายงานการสืบสวนในทางลับของชุดจับกุมทราบข้อมูลว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้ติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่พัวพันคดีลอบวางระเบิดภายในงานกาชาด ที่ จ.นราธิวาส เมื่อปีที่ผ่านมา และน่าจะเคยทำผิดในลักษณะนี้อย่างเป็นขบวนการและกระทำมาหลายครั้ง แต่สามารถหลุดรอดสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้ประกอบกับเมื่อไม่นานมานี้ หน่วยข่าวกรองเพิ่งได้รับรายงานว่า มีการสนับสนุนเงินกว่าร้อยล้านบาทจากประเทศในแถบตะวันออกกลางให้แก่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งน่าเชื่อว่าเงินทุนส่วนหนึ่งน่าจะถูกใช้ในการหาอาวุธมาใช้ในการก่อความไม่สงบโดยการกระทำของผู้ต้องหารายนี้ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติอีกทั้งผู้ต้องหาก็เป็นทหารแต่กลับมาทำผิดในลักษณะนี้เสียเอง
นายสยาม เจ๊ะสานิ ผู้ต้องหา เมื่อตำรวจสอบสวนและแสดงตัวว่าเป็น “จ่าเอก” สารวัตรทหาร สังกัดกองสารวัตรทหาร กรมอู่ทหารเรือมีความรู้เกี่ยวกับอาวุธปืนและสามารถซ่อมและประกอบอาวุธปืนต่างๆได้
นายสมชาย มูดอ อายุ 29 ปี ชายที่นายสยามจะนำของกลางไปส่งมอบให้
ของกลางที่ตรวจยึดได้
กำลังโหลดความคิดเห็น