xs
xsm
sm
md
lg

“เปิดไฟไล่โจร” ไอเดียบรรเจิด...แต่ตำรวจในโรงพักเป็นง่อยไม่ขยับตามก็ไร้ประโยชน์!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

4 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว สามารถจับกุม นายนายสมาน เณรเอี่ยม อายุ 25 ปี หนุ่มชาวกำแพงเพชร ที่เข้าไปยกค้าเครื่องเสียงราคาแพงเกือบ 20 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 3 แสนบาท ในเก็บอยู่ในบ้านเลขที่ 46/103 หมู่บ้านบุรีรมย์ ซอยย่อยสุพรรณิการ์ 6 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา ของนายธรรมนูญ จิตตรีบุตร อายุ 33 ปี อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาดนตรีตะวันตก มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เอาไว้ได้

แต่นั้นก็เป็นเพราะเจ้าทุกข์ลงทุนตามสืบหาตัวหัวขโมยรายนี้ด้วยตัวเอง ใช้วิธีดูแผนที่ในเว็บไซต์กูเกิลเอิร์ธ เพื่อวิเคราะห์เส้นทางที่คนร้ายจะใช้ก่อเหตุดู จนพบว่าหลังหมู่บ้านของเขาเป็นชุมชนริมคลองในซอยพระยาสุเรนทร์ 41 ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะมาจากคนในชุมชนนี้ อาจารย์หนุ่มคนนี้ก็เลยลองปีนข้ามกำแพงหมู่บ้านไปเพื่อลงพื้นที่หาข่าวด้วยตัวเอง เฉกเช่นวิธีการทำงานของตำรวจสายสืบเป๊ะ!

แล้วความพยายามครั้งนั้นก็เป็นผล เมื่อเขาลองสอบถามจากชาวบ้านในชุมชนหลายๆ คน ก็ได้ข้อมูลว่า มีคนได้ยินเสียงนายสมานแอบกระซิบคุยกับเมียตัวเองว่า เพิ่งเอาเครื่องดนตรีไปขาย 3 ชิ้น ในราคา 1,500 บาท อีกทั้งนายสมานยังเอาหัวตู้กีตาร์ไปเสนอขายให้ชาวบ้านแถวนั้นในราคาถูกๆ อีกด้วย ทำให้นายธรรมนูญมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือของหัวขโมยรายนี้แน่นอน จึงเอาข้อมูลไปให้ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายรายนี้

แต่ในวันที่ตำรวจนำตัวนายสมานพร้อมของกลางที่หลงเหลืออยู่มาแถลงข่าวด้วยนั้น นายธรรมนูญ เจ้าทุกข์ก็บอกกับผู้สื่อข่าวว่า มีเพียงแค่เครื่องส่งสัญญาณ 1 เครื่อง ชุดสายส่งสัญญาณ สายไมค์ เท่านั้นที่เอาคืนมาได้ ยังเหลือทรัพย์สินพวกเครื่องเสียงอีก 16 รายการที่ยังไม่ได้คืน ซึ่งทางตำรวจก็รับปากว่าจะสืบสวนขยายผลติดตามเอาของกลางที่คนร้ายเอาไปขายคืนมาให้ได้ แต่จนถึงวันนี้เวลาก็ผ่านไปนานเกือบ 3 สัปดาห์แล้วก็ดูเหมือนว่ายังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

นายธรรมนูญกล่าวกับทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ว่า หลังแถลงข่าวจับกุมนายสมาน ในวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็รับปากว่าจะทำการสืบสวนขยายผลติดตามทรัพย์สินของตนที่ถูกนายสมานขโมยไปคืนมาให้ เพราะของกลางที่เอามาแถลงข่าวในวันนั้นก็มีแค่กล่องใส่ไมค์ สายไมค์ และสายไฟเท่านั้น ที่ทรัพย์สินอื่นๆ ที่เหลืออีกประมาณ 16 รายการยังไม่ได้คืน แต่จนถึงตินนี้ระยะเวลาผ่านไปนานกว่าสองสัปดาห์แล้ว ตนก็ยังไม่ได้ทรัพย์สินคืนมาแม้แต่ชิ้นเดียว

“ความจริงแล้ว ทางตำรวจน่าจะสอบสวนขยายผลได้ว่า ผู้ต้องหาเอาเครื่องเสียงของผมไปขายที่ไหน เพื่อจะได้ติดตามเครื่องเสียงคืนมาบ้าง 1-2 ชิ้นก็ยังดี แต่นี่ไม่เลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จนตอนนี้ตัวผู้ต้องหาก็ถูกส่งฟ้องศาลติดคุกไปแล้ว จะไปเอาข้อมูลจากไหน จนตอนนี้ผมก็เลยคิดว่าจะไปเดินตามหาซื้อเครื่องเสียงของผมคืนเองแล้ว” นายธรรมนูญ กล่าว

นายธรรมนูญ กล่าวด้วยว่า ทางตำรวจบอกด้วยว่าจะสอบสวนขยายผลว่าจะมีคนร้ายคนอื่นร่วมแก๊งด้วยหรือไม่ เพราะมีข้อมูลว่าพี่เขยของนายสมานก็มีส่วนร่วมก่อเหตุด้วย แต่เรื่องก็เงียบหายไปอีก ส่วนร้อยเวรคดีผมที่ชื่อ “เพทาย” ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย เงียบๆ นิ่งๆ ไม่เคยสนใจอะไร ส่วนฝ่ายสืบสวนก็บอกแต่ว่าให้รออย่างเดียว เขามีแผนจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็เงียบหายไปอีก ไม่เคยติดต่อมาเลย ถ้าผมไม่ติดต่อไปเอง ก็ไม่มีการติดต่อมา

เมื่อเทียบกับคดีแก๊งหมูสกปรก ที่เป็นข่าวใหญ่โตขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ต่อต่อกันหลายวัน ตำรวจมีการสืบสวนขยายผลเอาของกลางคืนมาได้มาก และตามจับผู้ร่วมแก๊งได้หลายคน พอมาเป็นคดีของตนซึ่งถือว่าเป็นคดีเล็กกว่ามาก แต่ทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปนั้น ก็ถือว่ามูลค่ามากเช่นเดียวกัน ผมเข้าใจว่าตำรวจมีงานเยอะ แต่ความรู้สึกของผมก็คือ การประชาสัมพันธ์หรือการติดต่อกับผู้เสียหายน่าจะดีกว่านี้ เช่น ตำรวจน่าจะบอกผู้เสียหายถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่ กำลังขยายผลติดตามไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ถ้าตำรวจทำได้อย่างที่ว่านี้ ผมว่าประชาชนจะมั่นใจตำรวจมากขึ้น และมีความเป็นมิตรกับตำรวจมากขึ้นแน่นอน

“สุดท้าย ผมอยากให้ตำรวจขยายผลคดีนี้ให้ถึงที่สุด เพราะยังมีผู้เสียหายรายอื่นที่เป็นเพื่อนบ้านผมรวมอยู่ด้วยหลายคน บางคนก็โดนยกเค้าไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ความรู้สึกเหมือนกับว่า ทำไมไม่ทำจริงๆ จังๆ เพราะเราตามสืบเองจนเจอตัวว่าใครเป็นขโมย ก็เหมือนไปจับให้แล้ว ตำรวจแค่รับไม้ต่อไปขยายผลเท่านั้น ผมรู้สึกว่าตำรวจยังขาดความจริงจังอยู่ นโยบายของผู้กำกับน่ะถูกต้อง ทั้งเปิดไฟไล่โจร ทั้งเพื่อนบ้านเป็นมิตรพิชิตอาชญากรรมของโรงพักเขา แต่ลูกน้องน่าจะเต็มที่กว่านี้ อีกเรื่องคือในชุมชนริมคลองในซอยพระยาสุเรนทร์ 41 นั้น แหล่งยาเสพติดทั้งนั้น ตำรวจก็น่าจะกวาดล้างไปให้หมดด้วย” อาจารย์ธรรมนูญ กล่าวทิ้งท้าย

ในเรื่องนี้ทีมงานได้ติดต่อสอบถามไปยัง พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.คันนายาว ผู้รับผิดชอบโดยตรงในการติดตามสืบสวนขยายผลคดีนี้ ก็ได้ข้อมูลว่า หลังจากจับกุมตัวนายสมานได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้สอบสวนขยายผลจนทราบว่า เจ้าตัวได้นำเครื่องเสียงที่ขโมยมาได้ส่งให้นายทองลา วงศ์ดี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 10 ต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพี่เขยของตัวเองนำไปขาย ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็กระจายกำลังกันลงพื้นที่เพื่อไล่บี้จับกุมมาดำเนินคดีอยู่ เนื่องจากนายทองลาได้หลบหนีไปแล้ว

สว.สส.สน.คันนายาว กล่าวด้วยว่า หากได้ตัวนายทองลามาเมื่อไหร่ก็จะทราบว่าเอาเครื่องเสียงของผู้เสียหายไปขายที่ร้านไหนบ้าง ทางตำรวจก็จะตามไปอายัดมาคืนให้ผู้เสียหายได้ทันที ไม่ต้องห่วง เพราะทรัพย์สินจำพวกเครื่องเสียงนี้จะมีซีรีส์นัมเบอร์กำกับไว้ ไม่เหมือนกับทรัพย์สินจำพวกทองรูปพรรณที่คนร้ายสามารถนำไปหลอมได้ ซึ่งจะทำให้ติดตามเอาคืนได้ยาก ส่วนเรื่องการออกหมายจับนายทองลานั้น เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการ แต่ไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับไปแล้วหรือไม่

ขณะที่ พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.คันนายาว กล่าวถึงเรื่องการขยายผลคดีนี้ว่า เรื่องการติดตามทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกนายสมานขโมยไปนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการอยู่ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด แต่ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากพอสมควรในการติดตามทรัพย์สินคืนมาให้ได้ทั้งหมด

ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายสงสัยว่า มีข้อมูลว่าพี่เขยของนายสมานมีส่วนร่วมก่อเหตุด้วยนั้น ทางตำรวจกำลังหาหลักฐานอยู่ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริงหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ตำรวจต้องจับกุมแน่นอนจะไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด แต่ต้องยอมรับบางครั้งการขยายผลจับกุมคนร้ายรายอื่นนั้น บางครั้งก็ยากมาก เพราะบางคดีพบว่ามีข้อมูลว่ามีส่วนกี่ยวข้องในคดีนั้นๆ แต่ไม่สามารถจับกุมได้ เพราะหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสาวไปถึง

ผกก.สน.คันนายาว ยังกล่าวยอมรับว่า นับวันแก๊งโจรพวกนี้จะมีวิธีก่อเหตุที่หลากหลายขึ้นมากไม่ว่าวิธีการฉกชิงวิ่งราว หรือกลอุบายต่างๆ จะไปป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นนั้นเป็นไปไม่ได้ ทางตำรวจก็พยายามหาวิธีป้องกันให้ได้ผลมากที่สุด โดยตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเป็น ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.คันนายาว จนถึงวันนี้ก็เป็นระยะเวลา 2 ปี แล้ว โดยช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งแรกๆ ก็พบว่า สถิติคดีอาชญากรรมในท้องที่นั้นสูงมาก รถจยย.หาย เดือน 20 กว่าคัน รถยนต์ประมาณ 2-3 คัน ประกอบกับสถานการณ์ของบ้านเมืองก็ไม่ปกติมาเป็นปีแล้ว ตำรวจทุกโรงพัก ต้องส่งกำลังไปช่วยงานปราบจราจล (ปจ.) ตามทำเนียบฯ สถานที่หรือบ้านพักบุคคลสำคัญต่างๆ โดยกำลังของตำรวจสน.คันนายาว ที่ไปนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสายตรวจ ทำให้กำลังสายตรวจน้อยลง อีกทั้งระยะคดีอาชญากรรมก็สูงขึ้นเพราะ คนตกงานมากขึ้น โจรผู้ร้ายก็เพิ่มมากขึ้น

หลังจากนั้นก็เลยมีความคิดเริ่มอบรมตำรวจบ้านขึ้นมาใหม่เป็นอันดับแรก เพื่อช่วยงานตำรวจอีกแรง จนถึงขณะนี้ก็มีกำลังตำรวจบ้านของท้องที่ถึง 350 คนแล้ว โดยจะคัดคนที่มีหน่วยก้าน มีงานทำ ส่วนพวกที่ไม่มีก็จะไม่ให้ทำเพื่อป้องกันพวกนี้จะเอาเครื่องแบบตำรวจบ้านมาหากิน บางครั้งก็แอบเอาไปส่งยาบ้าก็มี

ทั้งนี้ หากเกิดเหตุร้ายขึ้นแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่ประชาชนทั่วไปจะโทรแจ้งไปยังหมายเลข 191 ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็จะส่งเรื่องมายังศูนย์วิทยุประชาราษฎร์ของ บก.น.2 ก่อนจะแจ้งมายัง สน.คันนายาว หลังจากนั้นทางโรงพักถึงจะแจ้งไปยังสายตรวจ รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 20 นาที เป็นอย่างเร็ว เมื่อตำรวจไปถึงโจรผู้ร้ายก็หนีไปแล้ว

“ผมก็เลยนำป้ายติดเบอร์โทรศัพท์มือถือของตัวผมเอง ของสารวัตรสืบสวน (สว.สส.) และสารวัตรป้องกันปราบปราม (สวป.) ไปติดไว้ตามที่ต่างๆ ในท้องที่ของโรงพักคันนายาว เพื่อเป็นการลดขึ้นตอนต่างๆ ในการแจ้งเหตุให้สั้นลง รวมถึงลดระยะเวลาลงด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอีกด้วย” ผกก.สน.คันนายาว กล่าว

พ.ต.อ.หาญ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นก็เริ่มวิเคราะห์ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อหาวิธีต่อสู้กับโจรผู้ร้าย ซึ่งโจรในพื้นที่คันนายาวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นโจรกระจอก เป็นพวกวัยรุ่นขี้ยา ขี้เกียจงานการไม่ทำ เอาแต่ขี่จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายวิ่งราวหรืองัดแงะลักทรัพย์ตามบ้านเรือนเอาอย่างเดียว

พวกนี้พอเจอบ้านหลังไหนปิดไฟมืดก็ปีนเข้าไปงัดบ้าน รื้อค้นข้าวของกระจุยกระจาย ขโมยเอาทรัพย์สินไปหมด บางบ้านก็ไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีพยานพบเห็นช่วงเกิดเหตุ บางครั้งเก็บลายนิ้วมือแฝงไปตรวจสอบก็ปรากฏว่า เป็นลายนิ้วมือใหม่ ก็เลยไม่พบในทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้ติดตามจับตัวได้ยากหรือจับไม่ได้เลย

บางคดีเมื่อตำรวจเราตามจับตัวคนร้ายได้ก็ถามว่าสาเหตุที่ถึงเลือกขึ้นบ้านหลังนั้นหลังนี้เพราะอะไร รู้ว่ามีทรัพย์สินเยอะหรือไง แต่คำตอบกลับไม่ใช่ โจรพวกนี้บอกกับเราว่า ไม่รู้หรอก ตระเวนไปเรื่อย ไม่รู้ด้วยว่าหลังไหนมีทรัพย์สินหรือเปล่า แต่หลังไหนปิดไฟมืดก็จะเข้า หากหลังไหนเปิดไฟ เปิดทีวีไว้ก็ไม่เข้า กลัวจะเจอปืนหรือไม้หน้าสาม

ก็เลยเป็นที่มาของโครงการ 2 ครงการ คือ “เปิดไฟไล่โจร” และ “เพื่อนบ้านเป็นมิตร พิชิตอาชญากรรม” โดยเริ่มจากใช้ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ (ตชส.) ไปประสานเยี่ยมตามชุมชนต่างๆ เชิญตัวแทนหมู่บ้านมาอบรมถึงวิธีป้องกันทรัพย์สินในบ้านให้พ้นจากมือโจรพวกนี้


เริ่มจากโครงการ “เปิดไฟไล่โจร” เราแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่ว่า เวลาออกจากบ้านในช่วงค่ำ หากออกไปไม่นาน เช่นพาครอบครัวออกไปกินข้าวเย็น กลับมาค่ำหน่อยก็ให้ เปิดไฟทิ้งไว้ เปิดทีวีทิ้งไว้ ยอมเสียค่าไฟนิดหน่อย ส่วนกระแสนิดนึง แลกกับการประหยัดไฟ แต่บ้านถูกงัดทรัพย์สินหายไปหมดมันไม่คุ้มกัน หากเปิดไฟทิ้งไว้ โจรพวกนี้มันไม่เข้าและผลจากการสุ่มก็ได้ผลมาแล้วว่า ไม่โดนโจรงัดเข้าไปเอาทรัพย์สิน”

อีกโครงการหนึ่งที่ทำควบคู่กันไปด้วยก็คือ “เพื่อนบ้านเป็นมิตร พิชิตอาชญากรรม” ก็เช่น หากบ้านเราใกล้เคียงกัน แนะนำให้คบกันเป็นมิตรไว้ ไปไหนมาก็ซื้อของฝากมาฝากกันหน่อย เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีไว้ เมื่อถึงเวลาที่เราจะออกไปไหนไกลๆ หรือไปต่างจังหวัดหลายวัน ก็ฝากให้เพื่อนบ้านช่วยดูแลบ้านให้หน่อย หากมีใครมาทำท่าทางพิรุธหน้าบ้าน ก็ให้ช่วยโทรบอกเรา หรือโทรบอกตำรวจเลย

“หลังจากเราอบรมไปแล้ว ก็เคยมีอยู่คดีหนึ่งที่ประชาชนให้ความร่วมมือ ทำให้เราจับคนร้ายได้ทันที เจ้าของบ้านไม่อยู่บ้าน คุณป้าข้างบ้านเห็นมีคนแปลกหน้าเข้ามาที่บ้านหลังนั้น ก็โทรแจ้งมาที่โรงพักเรา ทางสายตรวจก็นำกำลังไปปิดล้อม จนกระทั่งจับได้ยกแก๊งคาหนังคาเขา ซึ่งผมพูดเสมอเวลาไปอบรมว่าให้เป็นมิตรกันไว้ อย่าไปคิดว่าไอ้บ้านหลังนี้ เราไม่ชอบขี้หน้ามัน ขโมยขึ้นบ้านมันเราก็สะใจ เพราะถ้าคิดแบบนั้น เดี๋ยวมันก็ถึงคิวบ้านเราเป็นรายต่อไป” ผกก.หาญ กล่าว

พ.ต.อ.หาญ กล่าวต่อว่า สองโครงการนี้ เราเริ่มประชาสัมพันธ์ อบรมในชุมชนต่างๆ มาแล้ว 3 เดือน ประกอบกับตั้งแต่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา เข้ามารับตำแหน่ง ผบช.น. ก็มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมบ่อยครั้ง ก็ปรากฏว่าได้ผล คดีลักทรัพย์ในบ้านเรือนของ สน.คันนายาว ลดลงไปประมาณ 20% แต่ สน.คันนายาว มีพื้นที่กว้างถึง 54 ตารางกิโลเมตร มีหมู่บ้านจัดสรรมาก 128 หมู่บ้าน คอนโดมิเนียมมากถึง 29 แห่ง ประชาชนในพื้นที่กว่า 3 แสนคน ก็ต้องยอมรับว่าไม่มีทางที่ตำรวจเราจะไปดูแลได้ทั่วถึง จึงต้องเริ่มโครงการเแบบนี้ ต้องบูรณาการด้วยวิธีเอาประชาชนเป็นพวก ให้ประชาชนดูแลประชาชน

สองวิธีที่ว่านี้เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอะไร ก็ลองเอาไปใช้กันดูครับ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงไม่โดนโจรขึ้นบ้านมาฉกเอาทรัพย์สินของมีค่าที่พวกคุณเก็บหอมรอมริบกันมาทั้งชีวิตไปได้ง่ายๆ เพราะจะพึ่งตำรวจให้มาสอดส่องดูแลความปลอดภัยของประชาชน 100% นั้นไม่มีทางแน่นอน

อย่างว่าล่ะครับ นโยบายของท่าน ผกก.อดีตนักยูโดทีมชาติผู้นี้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าทั้งโรงพัก ท่าน ผกก.เต็มที่อยู่คนเดียวหรือเปล่า ลูกน้องท่านจะเต็มที่กับงานที่ต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ เพราะถ้าไม่แล้วมันก็เหมือนกับ “สมอง” มีไอเดียบรรเจิด แต่ “แขนขา” เป็นง่อยไม่ขยับตาม ก็ไร้ประโยชน์ครับท่าน!

นายธรรมนูญ จิตตรีบุตร อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาดนตรีตะวันตก มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ชี้ตัวนายสมาน เณรเอี่ยม ผู้ต้องหาในวันแถลงข่าว
พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.คันนายาว
เมื่อครั้งเป็นนักยูโดทีมชาติไทย
แผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ที่ติดตามที่ต่างๆในพื้นที่โรงพักคันนายาว
กำลังโหลดความคิดเห็น