ผบช.น.สั่งฟัน! โจรสีกากีลัก จยย.ออกราชการ

“วรพงษ์” ลั่นเอาผิดวินัย ตร.นอกรีต ตั้งแก๊งลักรถ จยย.ในโรงพักอย่างเด็ดขาด ให้ออกราชการไว้ก่อน สั่ง ผกก.ปทุมวันตามตัว ส.ต.ท.ติดต่อมอบตัวเร็วที่สุด ชี้รับ ตร.ที่ความสามารถ แต่ฝึกจิตใจไม่ทำชั่วทำได้ยาก พร้อมสั่งการทุกพื้นที่ออกปราบตู้ม้า และสถานบันเทิง หากปล่อยปละจะดำเนินการวินัยและอาญา

วันนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.15 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ตั้งแก๊งลักรถจักรยานยนต์ โดยมี “นายดาบ” คอยชักใยบงการอยู่เบื้องหลังว่า ขณะนี้ได้สั่งการไปยัง พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 ให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเคร่งครัด หากมีความชัดเจนให้มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนการติดตามตัวส.ต.ท.สว่าง สาจันทร์ ผบ.หมู่ (ป.) สน.ปทุมวัน ที่ไปปรากฏตัวอยู่ในภาพกล้องวงจรปิดขณะนำรถของกลางไปจอดไว้ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ประสานเพื่อให้ติดต่อขอมอบตัวโดยเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนนี้เป็นฝีมือของตำรวจเองจะมีการตอบคำถามสังคมอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนนี้ต้องยอมรับความจริงว่าการที่รับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจ เราวัดคนที่ความรู้ ความสามารถ แต่การที่จะวัดทัศนคติ วัดจิตใจเราคงทำส่วนนั้นไม่ได้ทุกคน ที่ผ่านมาทุกครั้งที่ชี้แจงมอบนโยบายแก่ข้าราชการใต้บังคับบัญชานั้น ตนจะกำชับใน 3 ส่วนคือ ความรู้ ความสามารถ และ ระเบียบวินัย เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถในการทำงานได้

“การรับคนเข้ามาเป็นตำรวจนั้น แม้มีบททดสอบหลายอย่าง การฝึกคนให้มีความรู้ความสามารถนั้นสามารถทำได้ แต่การฝึกจิตใจคนนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก การที่จะให้ไม่ประพฤติชั่วนี่เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ซึ่งได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาเอาใจใส่ให้มากที่สุด ส่วนที่ว่าเงินเดือนหรือสวัสดิการไม่เพียงพอนั้น เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่ง แต่คงไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำเรื่องเช่นนั้น” พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าว

พล.ต.ท.วรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีตู้ม้าเถื่อนเปิดอยู่ในหลายพื้นที่ว่า ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ดำเนินการ และให้ออกเป็นแผนปฏิบัติ ทั้งเรื่องการปราบปรามตู้ม้า และสถานบริการ โดยก่อนหน้านี้ก็มีการกำชับให้ปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ยังคงมีการลักลอบเปิดการพนัน เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะผู้ประกอบการที่ฉวยโอกาสลักลอบเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้กำไรง่าย

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงในแต่ละต้นสังกัด ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชา หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลยก็ดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเฉียบขาด ส่วนที่พบว่ามีการร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน แต่เมื่อเรื่องมาถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและสั่งการให้เข้าตรวจสอบก็ไม่พบแล้ว เหมือนกับว่ามีการปิดหนีไปก่อนแล้ว และบางส่วนที่จับกุมได้ก็มี ซึ่งส่วนนี้ไม่ได้มีการปล่อยปละละเลยแต่อย่างใด

งามหน้า! ตร.ปทุมวันตั้งแก๊งลักรถ จยย.ในโรงพัก!