ศาลสั่งไต่สวนคำร้องขอปล่อย 3 แกนนำ นปช.ตามที่ทนายผู้ต้องหายื่นร้อง 22 เม.ย.นี้ ให้ออกหมายเรียก “สุรชัย ภู่ประเสริฐ” เลขาธิการ ครม.เข้าไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร่วมกับทนาย นปช.เพียงสองราย โดยไม่จำเป็นต้องให้ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” และ 3 ผู้ต้องหามาเบิกความด้วย เหตุไม่มีส่วนรู้เห็นกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 15.00 น. ศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องที่ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาที่ 1-3 คดีปลุกระดมมวลชนโดยวีธีการใดเพื่อให้ละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ 215 มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นคำร้องขอปล่อยตัว ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 เนื่องจากถูกคุมขังโดยมิชอบ ซึ่งอ้างเหตุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่ได้ดำเนินการให้ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.ภายใน 3 วันตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 5
โดยนัดไต่สวนพยานในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เวลา 13.30 น. หลังมีคำสั่งให้ออกหมายเรียกนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม. พยานที่ผู้ต้องหายื่นบัญชีเสนอศาลเพื่อไต่สวนในประเด็นว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ได้ผ่านขั้นตอนความเห็นชอบ ครม.ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 5 หรือไม่ และอนุญาตนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช.เข้าไต่สวนเพิ่มเติมด้วย
ส่วนพยานปากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ 3 แกนนำ นปช.ผู้ร้อง ที่ผู้ต้องหาจะขอไต่สวน ศาลเห็นว่านายสมชาย และผู้ต้องหาทั้งสามไม่ได้มีส่วนโดยตรงกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงไม่มีเหตุต้องนำพยาน 4 ปากเข้าไต่สวน
ภายหลัง นายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช.กล่าวว่า การที่ศาลตัดพยานเหลือเพียงเลขาธิการ ครม. ชัดเจนว่าหากไต่สวนแล้วเห็นว่านายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยไม่ผ่านความเห็นชอบ ครม. ย่อมมีเหตุศาลมีคำสั่งปล่อยตัว 3 แกนนำ นปช. ซึ่งตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 5 วรรคท้าย นอกจากนี้ยังกล่าวว่าเมื่อสถานการณ์ไม่มีเหตุฉุกเฉินแล้ว นายกรัฐมนตรีควรจะประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน