“โจ้ บางบอน” เครือญาตินักการเมืองฝั่งธนฯ ยิงหัวอริดับ 1 เจ็บ 1 ในผับ “รองผู้การ บ.” ที่เปิดเกินเวลาดูดเงินตรานักท่องราตรี เหตุเกิดตั้งแต่ต้นสงกรานต์ แต่ตำรวจปิดบังไม่รายงานนาย เหตุบ้านเมืองวุ่นวาย ญาติผู้ตายกลัวเป็นมวยล้ม ต้องตายฟรี
วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ในสถานบันเทิง “RED ZEED” ถนนพุทธมณฑลสาย 1 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าผับดังกล่าว มีกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวซึ่งเพิ่งเลิกจากการกินดื่มสังสรรค์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ออกมายืนมุงดูศพของนายกมล สังข์กุล อายุ 31 ปี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิตคาที่ ส่วนเพื่อนผู้ตายที่มาด้วยกันอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายสำราญ คล่องแคล่ว อายุ 31 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่หน้าท้องอาการสาหัส เบื้องต้นพลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงไปก่อนหน้านี้
สำหรับหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าได้แก่ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่เกลื่อนพื้น จำนวน 3 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุนายกมล และนายสำราญได้เข้าไปนั่งกินดื่มอยู่ในผับตั้งแต่เวลา 20.00 น.แล้ว จากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาได้มีกลุ่มนักเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีหัวโจกชื่อ “นายโจ้” คนดังที่มีศักดิ์เป็นเครือญาติกับนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ในย่านบองบอน เข้ามานั่งในร้านด้วย จนกระทั่งทั้ง 2 กลุ่มเกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งทางฝ่ายของนายกมล และนายสำราญพยายามเรียกเด็กเช็กบิลหลบหนีออกมาแล้ว แต่กลุ่มของนายโจ้ก็ยังตามราวีไม่เลิก แล้วจบด้วยการใช้อาวุธปืนไล่ยิงนายกมล กับนายสำราญ จนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
สำหรับความคืบหน้าของคดีในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่กล้าเปิดเผยอะไรกับผู้สื่อข่าวมากนักเนื่องจากหวั่นเกรงอิทธิพลมืดจากนักการเมืองคนดังระดับประเทศคนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามหาพยานในที่เกิดเหตุ ตลอดจนรวบรวมหลักฐาน และรอให้คนเจ็บหายดีเพื่อตามไปสอบปากคำ อันจะนำไปสู่การออกหมายจับคนร้ายรายนี้แล้ว แต่เนื่องจากคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองกำลังชุลมุนวุ่นวายจากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ประกอบกับทางผู้บังคับบัญชาก็ยังไม่น่าจะได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น ทางญาติพี่น้องของผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตก็เกรงว่าอาจจะเป็นมวยล้มในเวลาต่อมา
มีรายงานว่า สำหรับคู่กรณีทั้ง 2 กลุ่มนั้นได้มีเรื่องเขม่นกันตั้งแต่เล่นสาดน้ำสงกรานต์ในช่วงเย็นจากที่อื่นมาแล้ว แต่บังเอิญมาเจอกันในผับดังกล่า อีกจึงทำให้เกิดเหตุขึ้นตามมา อย่างไรก็ตาม ในอดีตสถานบันเทิงดังกล่าวเป็นของนักธุรกิจคนหนึ่งซึ่งกำลังจะปิดขายกิจการเพราะเปิดแล้วรายได้ไม่ดี จนกระทั่งมีนายตำรวจตำแหน่ง รอง ผบก.ชื่อย่อ “บ.” มาเทกโอเวอร์บริหารใหม่ สามารถเปิดร้านเกินเวลาได้ จนเป็นที่รู้จักในหมู่นักเที่ยวและทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำในเวลาต่อมา