“สุเทพ-พัชรวาท” แถลงจับ 4 ผู้ต้องหา ทีมลอบสังหารองคมนตรี “ชาญชัย” สารภาพหมดเปลือก ประวัติเคยต้องโทษ ขับวิน จยย.วัดหลักสี่เปิดปากรับงานจากพันเอกทหาร ทางภาคเหนือ โดยนักธุรกิจทางภาคเหนือ ตัวการใหญ่ จ้าง 1.5 ล้านบาท “สุเทพ” สงสัย ขีดเส้นฆ่าภายใน 7 เม.ย.เพื่อให้เกิดเหตุร้ายเหตุรุนแรงในประเทศไทย
วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พนักงานสืบสวนสอบสวนภาค 1 และ จ.สมุทรปราการ ร่วมแถลงผลการจับกุม พ.ต.เทียนชัย หรืออ๊อด เมืองจันทึก อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/936 ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.นายคมิก หรือ เหน่ง สุขกาญจนกาศ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 372/3 ซ.สายไหม33/1 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. นายภานุพงศ์ หรือ กอล์ฟ รัตนาไพบูลย์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/83 ซ.สุเหร่าคลองหนึ่ง 8 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม.และ นายศักดิ์ชาย หรือ แบงค์ แซ่ลิ้ม อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/618 ม.1 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม.ผู้ต้องหาลอบสังหาร นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี
พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 แบบลูกโม่ไทยประดิษฐ์สีดำ พร้อมกระสุนปืนขนาด .38 หัวระเบิดจำนวน 6นัด แบบธรรมดาอีก 4 นัด โพยกระดาษระบุข้อความพาหนะที่เป้าหมายนายชาญชัย ภรรยา และลูกสาวใช้ พร้อมบ้านเลขที่ แบบบันทึกการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่เตรียมใช้ก่อเหตุของ สน.ประชาชื่น ระบุวันที่ 5 เม.ย.โดยมีชื่อ นายภานุพงศ์ เป็นผู้ขับขี่ และกระเป๋าสะพายสีดำจำนวน 1 ใบ
พ.ต.อ.เพชรรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ศสส.ภ.1 กล่าวว่า คนร้ายได้สารภาพการวางแผนสังหารนายชาญชัย ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.2552 โดย นายคมิก หรือจ่าหนึ่ง ได้นัดพบกับ พ.ต.เทียนชัย ที่คอนโดบ้านสวน ซ.พหลโยธิน 48 และมีการติดต่อวางแผนหลังจากนั้นได้เดินทางไปดูเป้าหมายที่ บ้านนายชาญชัย ที่ อ.พระประแดง แต่ยังไม่ได้ลงมือ ต่อมาช่วง ปลายเดือน มี.ค.นายคมิก ได้โทรศัพท์ติดต่อ นายภานุพงศ์ บอกว่ามีงานยิงคนนายภานุพงศ์ จึงตอบตกลงหลังจากนั้นนายภานุพงศ์ ให้นายตั้มจัดหามือปืนโดยในวันเดียวกัน พ.ต.เทียนชัย ได้โอนเงินเข้าบัญชีนายคมิกจำนวน 15,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
พ.ต.อ.เพชรรัตน์ กล่าวว่า หลังจากนั้นวันที่ 31 มี.ค.ช่วงบ่าย นายภานุพงศ์ ได้นัด นายคมิก ที่ตลาดนัดคลองสอง จ.ปทุมธานี เพื่อดูปืนจากนั้นได้ไปทานอาหารที่ร้านอาหารแป๊ะฮก เขต สภ.ประตูน้ำจุฬา จากนั้นวันที่ 1 เม.ย.นายคมิก นัด นายภานุพงศ์ ไปดูเป้าหมายอีกครั้งโดยครั้งนี้ได้มอบภาพถ่ายและรายละเอียดของเป้าหมายให้ นายภานุพงศ์ ทราบ ซึ่งขากลับ พ.ต.เทียนชัย ได้นัดพบ นายคมิก และ นายภานุพงศ์ ที่ร้านอาหารมล หน้า สน.ดุสิต ซึ่งในวันเดียวกันได้มอบกระสุนปืนขนาด .38 และเงินจำนวน 3,000 บาท หลังจากนั้นวันที่ 4 เม.ย.นายภานุพงศ์ นายศักดิ์ชัย ได้เดินทางไปบ้าน นายชาญชัย เพื่อที่จะลงมือ แต่เมื่อเข้าซอยบ้านเป้าหมายพบรถตำรวจจอดอยู่บริเวณใกล้บ้านจึงต้องยกเลิก หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงทั้งสองก็กลับมาที่บ้านอีกครั้งแต่ต้องยกเลิกอีกเพราะตำรวจยังอยู่ที่เดิม
พ.ต.อ.เพชรรัตน์ กล่าอีกว่า พอถึงวันที่ 5 ช่วงเช้าทั้งสองจึงมาดูลาดเลาอีกครั้งพบตำรวจจึงขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่ถูกตำรวจ สน.ประชาชื่น ที่ตั้งด่านเรียกตรวจยึดรถไว้ตรวจสอบโดยปล่อยให้ทั้งสองกลับบ้าน หลังจากนั้นทั้งสองได้ตัดสินใจนำเรื่องบอก พ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะกนิตย์ พ.ต.อ.วีระศักดิ์ จึงประสานให้ข้อมูลกับ พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.จ.สมุทรปราการ ชุดสืบสวนจึงควบคุมตัวมือปืนทั้งสองมาสอบ รวบรวมพยานหลักฐานจนแน่นหนาจึงขออนุมัติหมายศาลจนจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาที่จับกุมได้ครั้งนี้พบว่านายภานุพงศ์ เคยต้องคดีใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ ศาลพิพากษาตัดสินจำคุก ที่ สน.ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2540 ต้องโทษจำคุกแต่ได้ลดหย่อนโทษเหลือ 10 ปี 6 เดือน เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2550 หลังจากนั้น ได้มาทำงานเป็นพนักงานส่งเอกสารที่ บ.บางกอกมาสเตอร์ และขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่วินวัดหลักสี่ และรู้จักกับ นายศักดิ์ชาย ที่นี่ ส่วน นายศักดิ์ชาย เคยต้องโทษคดีเสพยาบ้า ที่ สน.หลักสอง ศาลพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ 2534-2535 โดยถูกส่งตัวไปอยู่บ้านเมตตาประมาณ 3 เดือน พอพ้นโทษก็ถูกตำรวจ สน.เพชรเกษม จับกุมในข้อหาเดียวกันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จำคุนาน 3 เดือนและมาขับขี่จักรยานต์รับจ้างวินเดียวกับนายภานุพงศ์
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับตัวผู้บงการใหญ่ ที่จ้างวานฆ่า นายชาญชัย นั้น ผู้ต้องหาสารภาพว่าเป็นนายทหารยศ พ.อ. ทางภาคเหนือ โดยประสานงานกับ พ.ต.เทียนชัย ผ่านลูกน้องคนสนิทชื่อ นายแจ๊ค เป็นอดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทเกรียงไกรทีวีการ์ด ซึ่งมีนายตำรวจคนหนึ่งเป็นเจ้าของ ถือเป็นคัตเอาท์สำคัญที่จะสาวไปถึง พ.อ.ผู้อยู่เบื้องหลังการจ้างวานฆ่านายชาญชัย ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับบุคคลทั้งสอง
ด้าน พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า หลังจากนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังขยายผลเพื่อหาพยานผู้เกี่ยวข้องกับแผนสังหารนายชาญชัยทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเสร็จสิ้นได้เมื่อใด อาจจะได้ตัวทั้งหมดภายในคืนนี้ก็ได้ จากประเด็นการสังหารเท่าที่สอบปากคำผู้ต้องให้ทราบว่าได้รับการว่าจ้างมาว่าเป็นนักธุรกิจเทางภาคเหนือเท่านั้นแต่เบื้องลึกตัวผู้ต้องหาก็ไม่ทราบ เพราะรับต่อกันมาเป็นทอดโดยมูลค่าจ้างวานทั้งหมดเป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท โดย พ.ต.เทียนชัย มาจ้างนายคมิก จำนวน 6 แสนบาท นายคมิก ก็ไปจ้างนายภานุพงศ์ อีก 1.4 แสนบาท นายภานุพงศ์ ก็ไปบอกนายศักดิ์ชาย ว่าได้มา 8 หมื่นบาทแบ่งกันคนละ 4 หมื่นบาทซึ่งมีการหักหัวคิวมาตลอดจึงไม่ทราบประเด็นที่แท้จริงรู้เพียงว่าคนที่ให้ไปฆ่าเป็นนักธุรกิจเท่านั้น ส่วนจะเป็นประเด็นที่นายชาญชัย เดินทางไปไปร่วมหารือที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานบริษัทแปซิฟิคคอร์ปเปอร์เรชั่นยังไม่ทราบเช่นกัน แต่ประเด็นทางการเมืองและเรื่องส่วนตัวก็ยังอยู่ในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สอบปากคำนายชาญชัย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการสอบประวัติ พ.ต.เทียนชัย หรือไม่ว่ามีสายโยงใยกับกลุ่มการเมืองหรือว่าข้าราชการทางการเมือง พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า เรื่องนี้ นายสุเทพ ได้สั่งการให้ตั้งชุดสืบสวนสอบสวนคิดว่าพยานหลักฐานจะพยายามรวบรวมให้ครบถ้วน เพื่อขยายผลให้เร็วที่สุด ส่วนจะโยงไปถึงใครยังไม่สามารถพูดอะไรได้ กลุ่มนี้เป็นผู้รับจ้างเพื่อมาลอบสังหารจึงไม่สามารถระบุสาเหตุแท้จริงได้ การจะขยายไปถึงผู้บงการจึงอยู่ที่พยานหลักฐาน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า จะต้องลงมือสังหารนายชาญชัย ก่อนวันที่ 7 เม.ย.นั้นจะเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า คงต้องมีการสอบรายละเอียดก่อน ส่วนการจัดกำลังดูแลบุคคลสำคัญในช่วงนี้ตำรวจได้จัดกำลังไว้แล้วทั้งหมด
นายสุเทพ กล่าวว่า ด้านความมั่นคงเราได้จับกระแสข่าวทุกกระแสที่จะเป็นต้นเหตุให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจถือเป็นภาระหน้าที่ที่จะต้องปกป้องประชาชน เพราะฉะนั้นเมื่อมีกระแสข่าวเราก็ไม่ประมาท จะเห็นได้ว่าภายในซอยบ้านนายชาญชัย ก็มีตำรวจลาดตระเวน ตรวจเหตุตลอดเวลาเมื่อมือปืนจะเข้าไปลงมือก็พบเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องหนีออกมาหลายครั้ง ก็ให้กำลังใจตำรวจที่ทำหน้าที่แข็งแรงและคนร้ายลงมือไม่สำเร็จ รวมทั้งเกาะติดกระแสข่าวสืบสวนสอบสวนขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ โดยให้การสารภาพที่เป็นประโยชน์ในการขยายผลต่อไป ซึ่งตนได้ให้ ผบช.ภ.1 ตั้งชุดสืบสวนสอบสวนมาเป็นพิเศษ
“เป็นที่น่าสังเกตว่า การเจรจาให้ลงมือครั้งนี้ มีการจ้งวานให้ลงมือครั้งนี้มีการพูดถึงเวลาในการทำงาน ฝากถึงประชาชนว่ามีผู้ประสงค์ให้เกิดเหตุร้ายเหตุรุนแรงในประเทศไทยขณะนี้จริงๆ และมีแผนเลวร้ายมากมายหลายอย่างจึงขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสแก่ตำรวจและไว้วางใจว่าเจ้าหน้าที่จะทำทุกอย่างให้บ้านเมืองสงบสุขให้ได้” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพบบัตรสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในบ้านคนร้ายด้วยจริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทราบมาจากไหน เพราะที่ขอให้มีการแถลงข่าวในวันนี้เพราะไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือ จนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตระหนก หรือรัฐบาลกับตำรวจสร้างเรื่องขึ้นกรุณาเชื่อในข่าวที่แถลง เพราะเราทำงานอย่างเปิดเผย และแจ้งให้ประชาชนทราบโดยไม่เสียรูปคดี โดยรัฐบาลได้สั่งการให้ตำรวจดูแลเป็นพิเศษทั้งประธานองคมนตรี องคมนตรีบุคคลสำคัญทุกคน เพราะเราเห็นแล้วว่ามีผู้ประสงค์ร้ายต่อองคมนตรีชาญชัย และถือว่าโชคดีที่ตำรวจทำงานสำเร็จระวังเหตุร้ายไว้ได้ เราจะไม่ประมาท ขยายผลต่อไป
เมื่อถามถึงการการลอบวางเพลิงธนาคาร พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า เป็นการพูดแต่ยังไม่หลักฐานยืนยันชัดเจน
เมื่อถามว่า ทำไมจึงมีเหตุจ้างฆ่าองคมนตรีในห้วงนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีว่าทำไมถึงมีการลอบฆ่าองคมนตรี ทำไมถึงมีการพูดถึงการว่าจ้างลอบวางเพลิง นั่นก็เป็นหน้าที่ ที่เราต้องทำต่อไป
รายงานข่าวจากชุดจับกุมแจ้งว่า ก่อนที่ พ.ต.เทียนชัย จะถูกจับ นายแจ๊ค ได้โทรศัพท์หา พ.ต.เทียนชัย เข้าโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้มารับระเบิด เพื่อรับระเบิด ไปก่อเหตุระเบิดป่วนบริเวณชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และยังสั่งการให้ไปเผาธนาคารกรุงเทพฯและธนาคารไทยพาณิชย์ 10 แห่ง ขณะที่ตรวจค้นในกระเป๋าสตางค์ยังพบนามบัตรของเลขาของ ส.ส.คนหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ โดยแนวทางการสืบสวน พบว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คนนี้มักนิยมการทำงานในทางลับ
สำหรับ พ.ต.เทียนชัย นั้น เป็นนายทหารชั้นประทวนมาก่อน ในสังกัดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ก่อนเข้าเรียนเป็นนายร้อยทหารบกอบรมรุ่น ที่ 25 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ อดีตผู้ต้องหาในคดีคาร์บอม จบมาเป็นนายทหารสัญญาบัตร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายทหารบรรณารักษ์ ประจำศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากองทัพบก
องคมนตรี “ชาญชัย” ยันไม่มีศัตรู ประหลาดใจถูกลอบสังหาร
พบ “พันเอก” บงการหมายฆ่าองคมนตรี-ชั่วซ้ำสั่งเผาแบงก์ป่วนกรุง!
จับครบ 3 ราย มือปืนพระกาฬ-ทีมสังหาร “องคมนตรีชาญชัย”!
รวบผู้ต้องสงสัยวางแผนลอบสังหาร “องคมนตรีชาญชัย” - หวังป่วนแผ่นดิน!
วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พนักงานสืบสวนสอบสวนภาค 1 และ จ.สมุทรปราการ ร่วมแถลงผลการจับกุม พ.ต.เทียนชัย หรืออ๊อด เมืองจันทึก อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/936 ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.นายคมิก หรือ เหน่ง สุขกาญจนกาศ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 372/3 ซ.สายไหม33/1 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. นายภานุพงศ์ หรือ กอล์ฟ รัตนาไพบูลย์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/83 ซ.สุเหร่าคลองหนึ่ง 8 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม.และ นายศักดิ์ชาย หรือ แบงค์ แซ่ลิ้ม อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/618 ม.1 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม.ผู้ต้องหาลอบสังหาร นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี
พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 แบบลูกโม่ไทยประดิษฐ์สีดำ พร้อมกระสุนปืนขนาด .38 หัวระเบิดจำนวน 6นัด แบบธรรมดาอีก 4 นัด โพยกระดาษระบุข้อความพาหนะที่เป้าหมายนายชาญชัย ภรรยา และลูกสาวใช้ พร้อมบ้านเลขที่ แบบบันทึกการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่เตรียมใช้ก่อเหตุของ สน.ประชาชื่น ระบุวันที่ 5 เม.ย.โดยมีชื่อ นายภานุพงศ์ เป็นผู้ขับขี่ และกระเป๋าสะพายสีดำจำนวน 1 ใบ
พ.ต.อ.เพชรรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ศสส.ภ.1 กล่าวว่า คนร้ายได้สารภาพการวางแผนสังหารนายชาญชัย ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.2552 โดย นายคมิก หรือจ่าหนึ่ง ได้นัดพบกับ พ.ต.เทียนชัย ที่คอนโดบ้านสวน ซ.พหลโยธิน 48 และมีการติดต่อวางแผนหลังจากนั้นได้เดินทางไปดูเป้าหมายที่ บ้านนายชาญชัย ที่ อ.พระประแดง แต่ยังไม่ได้ลงมือ ต่อมาช่วง ปลายเดือน มี.ค.นายคมิก ได้โทรศัพท์ติดต่อ นายภานุพงศ์ บอกว่ามีงานยิงคนนายภานุพงศ์ จึงตอบตกลงหลังจากนั้นนายภานุพงศ์ ให้นายตั้มจัดหามือปืนโดยในวันเดียวกัน พ.ต.เทียนชัย ได้โอนเงินเข้าบัญชีนายคมิกจำนวน 15,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
พ.ต.อ.เพชรรัตน์ กล่าวว่า หลังจากนั้นวันที่ 31 มี.ค.ช่วงบ่าย นายภานุพงศ์ ได้นัด นายคมิก ที่ตลาดนัดคลองสอง จ.ปทุมธานี เพื่อดูปืนจากนั้นได้ไปทานอาหารที่ร้านอาหารแป๊ะฮก เขต สภ.ประตูน้ำจุฬา จากนั้นวันที่ 1 เม.ย.นายคมิก นัด นายภานุพงศ์ ไปดูเป้าหมายอีกครั้งโดยครั้งนี้ได้มอบภาพถ่ายและรายละเอียดของเป้าหมายให้ นายภานุพงศ์ ทราบ ซึ่งขากลับ พ.ต.เทียนชัย ได้นัดพบ นายคมิก และ นายภานุพงศ์ ที่ร้านอาหารมล หน้า สน.ดุสิต ซึ่งในวันเดียวกันได้มอบกระสุนปืนขนาด .38 และเงินจำนวน 3,000 บาท หลังจากนั้นวันที่ 4 เม.ย.นายภานุพงศ์ นายศักดิ์ชัย ได้เดินทางไปบ้าน นายชาญชัย เพื่อที่จะลงมือ แต่เมื่อเข้าซอยบ้านเป้าหมายพบรถตำรวจจอดอยู่บริเวณใกล้บ้านจึงต้องยกเลิก หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงทั้งสองก็กลับมาที่บ้านอีกครั้งแต่ต้องยกเลิกอีกเพราะตำรวจยังอยู่ที่เดิม
พ.ต.อ.เพชรรัตน์ กล่าอีกว่า พอถึงวันที่ 5 ช่วงเช้าทั้งสองจึงมาดูลาดเลาอีกครั้งพบตำรวจจึงขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่ถูกตำรวจ สน.ประชาชื่น ที่ตั้งด่านเรียกตรวจยึดรถไว้ตรวจสอบโดยปล่อยให้ทั้งสองกลับบ้าน หลังจากนั้นทั้งสองได้ตัดสินใจนำเรื่องบอก พ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะกนิตย์ พ.ต.อ.วีระศักดิ์ จึงประสานให้ข้อมูลกับ พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.จ.สมุทรปราการ ชุดสืบสวนจึงควบคุมตัวมือปืนทั้งสองมาสอบ รวบรวมพยานหลักฐานจนแน่นหนาจึงขออนุมัติหมายศาลจนจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาที่จับกุมได้ครั้งนี้พบว่านายภานุพงศ์ เคยต้องคดีใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ ศาลพิพากษาตัดสินจำคุก ที่ สน.ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2540 ต้องโทษจำคุกแต่ได้ลดหย่อนโทษเหลือ 10 ปี 6 เดือน เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2550 หลังจากนั้น ได้มาทำงานเป็นพนักงานส่งเอกสารที่ บ.บางกอกมาสเตอร์ และขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่วินวัดหลักสี่ และรู้จักกับ นายศักดิ์ชาย ที่นี่ ส่วน นายศักดิ์ชาย เคยต้องโทษคดีเสพยาบ้า ที่ สน.หลักสอง ศาลพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ 2534-2535 โดยถูกส่งตัวไปอยู่บ้านเมตตาประมาณ 3 เดือน พอพ้นโทษก็ถูกตำรวจ สน.เพชรเกษม จับกุมในข้อหาเดียวกันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จำคุนาน 3 เดือนและมาขับขี่จักรยานต์รับจ้างวินเดียวกับนายภานุพงศ์
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับตัวผู้บงการใหญ่ ที่จ้างวานฆ่า นายชาญชัย นั้น ผู้ต้องหาสารภาพว่าเป็นนายทหารยศ พ.อ. ทางภาคเหนือ โดยประสานงานกับ พ.ต.เทียนชัย ผ่านลูกน้องคนสนิทชื่อ นายแจ๊ค เป็นอดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทเกรียงไกรทีวีการ์ด ซึ่งมีนายตำรวจคนหนึ่งเป็นเจ้าของ ถือเป็นคัตเอาท์สำคัญที่จะสาวไปถึง พ.อ.ผู้อยู่เบื้องหลังการจ้างวานฆ่านายชาญชัย ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับบุคคลทั้งสอง
ด้าน พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า หลังจากนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังขยายผลเพื่อหาพยานผู้เกี่ยวข้องกับแผนสังหารนายชาญชัยทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเสร็จสิ้นได้เมื่อใด อาจจะได้ตัวทั้งหมดภายในคืนนี้ก็ได้ จากประเด็นการสังหารเท่าที่สอบปากคำผู้ต้องให้ทราบว่าได้รับการว่าจ้างมาว่าเป็นนักธุรกิจเทางภาคเหนือเท่านั้นแต่เบื้องลึกตัวผู้ต้องหาก็ไม่ทราบ เพราะรับต่อกันมาเป็นทอดโดยมูลค่าจ้างวานทั้งหมดเป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท โดย พ.ต.เทียนชัย มาจ้างนายคมิก จำนวน 6 แสนบาท นายคมิก ก็ไปจ้างนายภานุพงศ์ อีก 1.4 แสนบาท นายภานุพงศ์ ก็ไปบอกนายศักดิ์ชาย ว่าได้มา 8 หมื่นบาทแบ่งกันคนละ 4 หมื่นบาทซึ่งมีการหักหัวคิวมาตลอดจึงไม่ทราบประเด็นที่แท้จริงรู้เพียงว่าคนที่ให้ไปฆ่าเป็นนักธุรกิจเท่านั้น ส่วนจะเป็นประเด็นที่นายชาญชัย เดินทางไปไปร่วมหารือที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานบริษัทแปซิฟิคคอร์ปเปอร์เรชั่นยังไม่ทราบเช่นกัน แต่ประเด็นทางการเมืองและเรื่องส่วนตัวก็ยังอยู่ในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สอบปากคำนายชาญชัย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการสอบประวัติ พ.ต.เทียนชัย หรือไม่ว่ามีสายโยงใยกับกลุ่มการเมืองหรือว่าข้าราชการทางการเมือง พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า เรื่องนี้ นายสุเทพ ได้สั่งการให้ตั้งชุดสืบสวนสอบสวนคิดว่าพยานหลักฐานจะพยายามรวบรวมให้ครบถ้วน เพื่อขยายผลให้เร็วที่สุด ส่วนจะโยงไปถึงใครยังไม่สามารถพูดอะไรได้ กลุ่มนี้เป็นผู้รับจ้างเพื่อมาลอบสังหารจึงไม่สามารถระบุสาเหตุแท้จริงได้ การจะขยายไปถึงผู้บงการจึงอยู่ที่พยานหลักฐาน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า จะต้องลงมือสังหารนายชาญชัย ก่อนวันที่ 7 เม.ย.นั้นจะเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า คงต้องมีการสอบรายละเอียดก่อน ส่วนการจัดกำลังดูแลบุคคลสำคัญในช่วงนี้ตำรวจได้จัดกำลังไว้แล้วทั้งหมด
นายสุเทพ กล่าวว่า ด้านความมั่นคงเราได้จับกระแสข่าวทุกกระแสที่จะเป็นต้นเหตุให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจถือเป็นภาระหน้าที่ที่จะต้องปกป้องประชาชน เพราะฉะนั้นเมื่อมีกระแสข่าวเราก็ไม่ประมาท จะเห็นได้ว่าภายในซอยบ้านนายชาญชัย ก็มีตำรวจลาดตระเวน ตรวจเหตุตลอดเวลาเมื่อมือปืนจะเข้าไปลงมือก็พบเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องหนีออกมาหลายครั้ง ก็ให้กำลังใจตำรวจที่ทำหน้าที่แข็งแรงและคนร้ายลงมือไม่สำเร็จ รวมทั้งเกาะติดกระแสข่าวสืบสวนสอบสวนขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ โดยให้การสารภาพที่เป็นประโยชน์ในการขยายผลต่อไป ซึ่งตนได้ให้ ผบช.ภ.1 ตั้งชุดสืบสวนสอบสวนมาเป็นพิเศษ
“เป็นที่น่าสังเกตว่า การเจรจาให้ลงมือครั้งนี้ มีการจ้งวานให้ลงมือครั้งนี้มีการพูดถึงเวลาในการทำงาน ฝากถึงประชาชนว่ามีผู้ประสงค์ให้เกิดเหตุร้ายเหตุรุนแรงในประเทศไทยขณะนี้จริงๆ และมีแผนเลวร้ายมากมายหลายอย่างจึงขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสแก่ตำรวจและไว้วางใจว่าเจ้าหน้าที่จะทำทุกอย่างให้บ้านเมืองสงบสุขให้ได้” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพบบัตรสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในบ้านคนร้ายด้วยจริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทราบมาจากไหน เพราะที่ขอให้มีการแถลงข่าวในวันนี้เพราะไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือ จนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตระหนก หรือรัฐบาลกับตำรวจสร้างเรื่องขึ้นกรุณาเชื่อในข่าวที่แถลง เพราะเราทำงานอย่างเปิดเผย และแจ้งให้ประชาชนทราบโดยไม่เสียรูปคดี โดยรัฐบาลได้สั่งการให้ตำรวจดูแลเป็นพิเศษทั้งประธานองคมนตรี องคมนตรีบุคคลสำคัญทุกคน เพราะเราเห็นแล้วว่ามีผู้ประสงค์ร้ายต่อองคมนตรีชาญชัย และถือว่าโชคดีที่ตำรวจทำงานสำเร็จระวังเหตุร้ายไว้ได้ เราจะไม่ประมาท ขยายผลต่อไป
เมื่อถามถึงการการลอบวางเพลิงธนาคาร พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า เป็นการพูดแต่ยังไม่หลักฐานยืนยันชัดเจน
เมื่อถามว่า ทำไมจึงมีเหตุจ้างฆ่าองคมนตรีในห้วงนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีว่าทำไมถึงมีการลอบฆ่าองคมนตรี ทำไมถึงมีการพูดถึงการว่าจ้างลอบวางเพลิง นั่นก็เป็นหน้าที่ ที่เราต้องทำต่อไป
รายงานข่าวจากชุดจับกุมแจ้งว่า ก่อนที่ พ.ต.เทียนชัย จะถูกจับ นายแจ๊ค ได้โทรศัพท์หา พ.ต.เทียนชัย เข้าโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้มารับระเบิด เพื่อรับระเบิด ไปก่อเหตุระเบิดป่วนบริเวณชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และยังสั่งการให้ไปเผาธนาคารกรุงเทพฯและธนาคารไทยพาณิชย์ 10 แห่ง ขณะที่ตรวจค้นในกระเป๋าสตางค์ยังพบนามบัตรของเลขาของ ส.ส.คนหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ โดยแนวทางการสืบสวน พบว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คนนี้มักนิยมการทำงานในทางลับ
สำหรับ พ.ต.เทียนชัย นั้น เป็นนายทหารชั้นประทวนมาก่อน ในสังกัดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ก่อนเข้าเรียนเป็นนายร้อยทหารบกอบรมรุ่น ที่ 25 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ อดีตผู้ต้องหาในคดีคาร์บอม จบมาเป็นนายทหารสัญญาบัตร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายทหารบรรณารักษ์ ประจำศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากองทัพบก
องคมนตรี “ชาญชัย” ยันไม่มีศัตรู ประหลาดใจถูกลอบสังหาร
พบ “พันเอก” บงการหมายฆ่าองคมนตรี-ชั่วซ้ำสั่งเผาแบงก์ป่วนกรุง!
จับครบ 3 ราย มือปืนพระกาฬ-ทีมสังหาร “องคมนตรีชาญชัย”!
รวบผู้ต้องสงสัยวางแผนลอบสังหาร “องคมนตรีชาญชัย” - หวังป่วนแผ่นดิน!