ตำรวจประชุมประเมินสถานการณ์และกำชับนโยบายปราบปรามยาเสพติด พบสถิติตการจับกุมทั้งผู้ต้องหาและของกลางในเดือนมีนาคมสูงกว่าเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เผยการข่าวพบลูกชาย “บัง บาเรตต้า” สมุนมือขวา “บังรอน” ที่ถูกเพิ่งตำรวจวิสามัญฯ เตรียมกลับมาล้างแค้นให้พ่อ
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศตส.ตร.) เป็นประธานประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และกำชับนโยบายปราบปรามยาเสพติด โดยมี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และตัวแทนกองบัญชาการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดย พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.ในฐานะเลขานุการ ศตส.ตร. แถลงผลการปฎิบัติงานในเดือนมีนาคมว่า มีการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ 142 ราย จับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยได้ 3,126 ราย จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดค้างเก่าได้ 347 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยตรวจสอบอายัดทรัพย์สินได้ 124 ราย มูลค่าทรัพย์สิน 58.370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 11.71% คิดเป็น ทั้งนี้สามารถตรวจยึดของกลางได้เพิมขึ้นจากเดือนก่อนจากที่ยึดได้ 3.905 กก. เป็น 47,865 กก.เพิ่มขึ้นถึง 1,125.45%
ผบช.ปส.กล่าวว่า ในที่ประชุมรอง ผบ.ตร.ได้กำชับเรื่องงานการข่าวเพื่อให้ถึงตัวผู้ปฏิบัติผู้สั่งการ พร้อมให้ขยายเครือข่ายผู้ต้องหารายสำคัญตามหมายจับให้ได้ ขณะเดียวกันก็สั่งการให้สืบสวนสถานบันเทิงที่เปิดเป็นคลับเสพยาเสพติดเพื่อจับกุมปราบปรามให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้รายงานผลการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยในคดีที่ตำรวจภูธรภาค 1 วิสามัญ นายบาเรศ หรือบาเรตต้า มินศรี หรือบัง บาเรตต้า สมุนมือขวาของบังรอน เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมานั้น การข่าวพบว่าลูกชายนายบาเรศที่กำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ บช.ภ.3 กำลังจะกลับมาล้างแค้น
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศตส.ตร.) เป็นประธานประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และกำชับนโยบายปราบปรามยาเสพติด โดยมี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. และตัวแทนกองบัญชาการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดย พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.ในฐานะเลขานุการ ศตส.ตร. แถลงผลการปฎิบัติงานในเดือนมีนาคมว่า มีการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ 142 ราย จับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยได้ 3,126 ราย จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดค้างเก่าได้ 347 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยตรวจสอบอายัดทรัพย์สินได้ 124 ราย มูลค่าทรัพย์สิน 58.370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 11.71% คิดเป็น ทั้งนี้สามารถตรวจยึดของกลางได้เพิมขึ้นจากเดือนก่อนจากที่ยึดได้ 3.905 กก. เป็น 47,865 กก.เพิ่มขึ้นถึง 1,125.45%
ผบช.ปส.กล่าวว่า ในที่ประชุมรอง ผบ.ตร.ได้กำชับเรื่องงานการข่าวเพื่อให้ถึงตัวผู้ปฏิบัติผู้สั่งการ พร้อมให้ขยายเครือข่ายผู้ต้องหารายสำคัญตามหมายจับให้ได้ ขณะเดียวกันก็สั่งการให้สืบสวนสถานบันเทิงที่เปิดเป็นคลับเสพยาเสพติดเพื่อจับกุมปราบปรามให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้รายงานผลการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยในคดีที่ตำรวจภูธรภาค 1 วิสามัญ นายบาเรศ หรือบาเรตต้า มินศรี หรือบัง บาเรตต้า สมุนมือขวาของบังรอน เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมานั้น การข่าวพบว่าลูกชายนายบาเรศที่กำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ บช.ภ.3 กำลังจะกลับมาล้างแค้น