คนงานปรับสภาพพื้นดิน เจอหลุมอยู่กลางลานดินเลยเหยียบหวังให้ดินยุบ แต่กลับก้าวขาไม่ออก ต้องไหว้ขอขมาอยู่นาน ถึงจะยกขาออกจากหลุมได้ พอขุดลงไปก็พบโครงกระดูกทารกถูกฝังอยู่ แถมมีชื่อแม่เด็กระบุไว้ด้วย ตำรวจตามตัวเจอสารภาพปวดท้องคลอดลูก แต่พอไปถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่ารกพันคอลูกตายตั้งแต่ในท้องแล้วเลยผ่าศพออกให้ แต่ไม่มีเวลากลับไปฝังตามพิธี เลยเอาบริเวณที่เกิดเหตุเป็นสุสานฝังศพลูก
วานนี้ (1 เม.ย.) ร.ต.อ.พิพัฒน์วิทย์ แก้วมุกดา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุพบโครงกระดูกเด็กทารกถูกฝังในกองดิน บริเวณลานดินโล่งตรงข้ามร้านอาหารบึงฉวาก ถนนศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลศิริราช และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นป่าหญ้าและลานดินที่อยู่ระหว่างการปรับเกลี่ยพื้นที่ โดยมีคนงานขับรถแบ็กโฮปฏิบัติหน้าที่อยู่ จากการตรวจสอบบริเวณหลุมดินพูนซึ่งมีไม้ปักอยู่ 4 มุม พบโครงกระดูกเด็กทารกไม่ทราบเพศ อายุในครรภ์ประมาณ 7-8 เดือน ถูกห่ออยู่ในผ้าสีขาว ระบุชื่อมารดาคือ นางบาบู (ไม่ทราบนามสกุล) เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 เดือน
จากการสอบสวนนายประสิทธิ์ บุตรธนู อายุ 33 ปี คนงานขับรถแบ็กโฮให้การว่า ตนกับเพื่อนอีก 4 คนได้รับการว่าจ้างจากเจ้าของที่ผืนนี้ให้นำรถแบ็กโฮมาปรับเกลี่ยสภาพพื้นที่ ระหว่างที่กำลังพากันเดินสำรวจรอบๆ บริเวณอยู่นั้นบังเอิญไปพบกับหลุมดินพูนซึ่งมีไม้ปักอยู่ทั้ง 4 มุม คล้ายหลุมฝังศพจึงได้ดึงไม้ออกแล้วพยายามใช้เท้ากระทืบให้ดินยุบ แต่ปรากฏว่าขณะที่กำลังก้าวขากลับไปที่รถกลับก้าวไม่ออก เหมือนมีอะไรมาดึงเอาไว้ทำให้ขาตนคาอยู่บนกองดินอยู่นานหลายนาที
“ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนั้นคิดว่าใต้หลุมน่าจะมีศพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฝังอยู่แน่ๆ เลยตัดสินใจยกมือไหว้เพื่อขอขมาและอธิษฐานบอกว่า หากผมสามารถก้าวขาออกไปจากดินบริเวณนี้ได้จะนำรถแบ็กโฮมาขุดเพื่อหาวัตถุที่อยู่ใต้พื้นดิน และถ้าเป็นศพจริงๆ ผมก็จะนำไปบำเพ็ญกุศลให้ตามประเพณี ทันใดนั้นผมก็สามารถยกเท้าออกมาได้ราวกับมีปาฏิหาริย์ พอหลังจากนำรถแบ็กโฮมาขุดก็พบโครงกระดูกเด็กดังกล่าว จึงรีบโทร.แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ” นายประสิทธิ์ กล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามหาตัวนางบาบู อายุ 24 ปี สัญชาติพม่า และนายเจม ใสสะอาด อายุ 24 ปี ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของเด็กทารกคนดังกล่าวจนพบ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำ โดยนางบาบูให้การทั้งน้ำตาว่า ตนและสามีนับถือศาสนาอิสลาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.51 ตนเกิดปวดท้องคลอดลูก จึงเดินทางไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าสายรกพันคอเด็กจนเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในท้อง แพทย์จึงช่วยผ่านำร่างเด็กออกมา พร้อมทำเรื่องส่งศพให้นำไปฝังที่สุสานเกชา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
นางบาบูกล่าวต่อว่า ตนกับสามีไม่มีเวลานำศพลูกไปฝังที่สุสานดังกล่าว จึงช่วยกันหอบร่างมาขุดหลุมฝังไว้ที่บริเวณนี้เพราะเห็นว่าสะดวกกว่าเนื่องจากใกล้ที่พัก ประกอบกับเป็นที่รกร้างลับตาคน ไม่คิดว่าจะมีคนงานนำรถแบ็กโฮมาขุดจนพบศพ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยมีลูกมาแล้ว 1 คน แต่ก็เสียชีวิตในลักษณะนี้เช่นกัน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีนางบาบูและสามีแต่อย่างใด เพราะเห็นว่าไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าลูก และมีใบส่งศพจากแพทย์อย่างถูกต้อง จึงได้มอบโครงกระดูกดังกล่าวให้หน่วยกู้ภัยนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช ก่อนให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดำเนินการต่อไป
