xs
xsm
sm
md
lg

ลูกหนี้สุดทน! ดอกเบี้ยมหาโหดแจ้งจับนายทุนเงินกู้นอกระบบ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

น.ส.ณัฏฐิณี ดวงดำรงศักดิ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค พาลูกหนี้เงินกู้นอกระบบจาก อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนเงินกู้ 5 ราย ซึ่งเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 150 บาทต่อปี รวมยอดหนี้สินของผู้เสียหายทั้งหมดเกือบ 2 ล้านบาท
ลูกหนี้เงินนอกระบบ ร้อง กองปราบ แจ้งความดำเนินคดีกลุ่มนายทุนเงินกู้ 5 ราย เรียกดอกเบี้ยมหาโหด 150 บาทต่อปี รวมหนี้ผู้เสียหายเกือบ 2 ล้าน แถมถูกข่มขู่ คุกคามสารพัดให้จ่ายหนี้ ทนไม่ได้ต้องหนีออกจากบ้าน แฉ มีตำรวจยศ ร.ต.ท.เป็นเจ้าหนี้ด้วย

วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น.น.ส.ณัฏฐิณี ดวงดำรงศักดิ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค พาลูกหนี้เงินกู้นอกระบบจาก อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.โกมล สืบจาคลี พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนเงินกู้ 5 ราย ซึ่งเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 150 บาทต่อปี รวมยอดหนี้สินของผู้เสียหายทั้งหมดเกือบ 2 ล้านบาท เมื่อไม่ใช้หนี้ก็ถูกข่มขู่ คุกคามด้วยวิธีการต่างๆ จนทำให้ผู้เสียหายกลัวว่าจะได้รับอันตรายถึงขั้นต้องหนีออกจากบ้าน

น.ส.นันทิยา ใจจริง อายุ 28 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดส่งตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนจึงไปกู้เงินจาก น.ส.ณัฏฐนิชา บัวใหญ่ หรือ น้ำ เพื่อนสมัยเป็นนักเรียน โดยเริ่มกู้ที่ 4.5 แสนบาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2551 ช่วงแรกก็ใช้หนี้และกู้เงินมาใหม่โดยไม่มีปัญหาอะไร ต่อมาหมุนเงินไม่ทัน ทำให้ดอกเบี้ยทบดอกทบต้นเป็นเงิน 1.2 ล้านบาท ซึ่งตนก็หาเงินมาใช้หนี้ได้ 7 แสนกว่าบาท แต่พักหลังๆ ส่งดอกเบี้ยไม่ไหว จึงถูกเจ้าหนี้ข่มขู่คุกคามด้วยวิธีต่างๆ ที่สำคัญ มีการเปลี่ยนสัญญาใหม่อีกหลายครั้ง จนทำให้ยอดเงินต้นรวมดอกเบี้ยเพิ่มจาก 1.2 ล้านบาท เป็น 1.8 ล้านบาท

“เมื่อหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยไม่ได้ เจ้าหนี้ก็โทร.มาขู่ว่ามีญาติเป็นตำรวจ และบีบให้ทำสัญญาใหม่ ซึ่งที่ผ่านมามีการเปลี่ยนเจ้าหนี้เงินกู้ไปแล้ว 4 คน จากยอด 1.2 ล้านบาท เพิ่มไปเป็น 1.8 ล้านบาท โดยหนึ่งในเจ้าหนี้ก็มีนายตำรวจยศ ร.ต.ท.สังกัดสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี รวมอยู่ด้วย” น.ส.นันทยา กล่าว

น.ส.นันทิยา กล่าวอีกว่า เจ้าหนี้กลุ่มนี้ยังพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ตนใช้หนี้ แต่แค่ดอกเบี้ยที่คิดร้อยละ 10 ต่อเดือน แล้วยังมีการคิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 และ 8 ต่อสัปดาห์ ซึ่งแค่นำเงินมาใช้หนี้ดอกเบี้ยไม่รวมเงินต้น ก็ไม่มีวันหมดแล้ว นอกจากนี้ เจ้าหนี้ยังบอกว่าถ้าไม่มีเงินใช้หนี้ก็ให้ไปดาวน์รถยนต์มาให้พวกเขา 2 คัน หากเงินดาวน์ 6 แสนบาท ก็จะหักจากยอดหนี้ไป 3 แสนบาท หรือถ้าดาวน์รถจักรยานยนต์ก็ต้องหามาให้พวกเขาถึง 10 คัน เพื่อจะนำรถไปขายประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อตนไม่ทำตามก็จะให้ลูกน้องเขามาตามตัวถึงบ้าน หากไม่เจอก็ทำลายทรัพย์สินที่อยู่หน้าบ้าน ทำให้ตอนนี้กลับไปที่บ้านไม่ได้ และเป็นห่วงครอบครัวว่าจะได้รับอันตราย จึงติดต่อขอความช่วยเหลือจากศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค

ด้าน น.ส.ณัฏฐิณี กล่าวว่า ขณะนี้รวบรวมผู้เสียหายจากเจ้าหนี้กลุ่มนี้ได้ประมาณ 4-5 ราย แต่ละรายถูกข่มขู่ บีบบังคับในลักษณะเดียวกัน ที่สำคัญคือ มีการเปลี่ยนสัญญาจากเจ้าหนี้รายหนึ่งไปอีกรายหนึ่ง ทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และข่มขู่เอาชีวิต ซึ่งทางศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคได้พาผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อสำนักช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ซึ่งอัยการได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาช่วยเหลือฟ้องร้องคดีแพ่งให้สัญญาเป็นโมฆะ เนื่องจากเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ร้อยละ 1.25 ต่อเดือน หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ต่อปี และให้มาแจ้งความที่กองปราบปรามเพื่อดำเนินคดีอาญา เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานไว้ก่อน
แสดงหลักฐานเงินกู้ที่ทำกับเจ้าหนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น