“เสื้อแดง” จี้ “พัชรวาท” เร่งคดี พธม.ยึดสนามบิน-ฮึ่ม! มติ ป.ป.ช.ไม่เป็นธรรม

แนวร่วมเสื้อแดง บุก สตช.เข้ายื่นหนังสือร้อง “พัชรวาท” เร่งรัดดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยึดทำเนียบ-สนามบิน ให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงาน โบ้ยมติ ป.ป.ช.ไม่เป็นธรรมต่อรัฐบาลสมชาย-ตร.และผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมจี้ให้สอบสถานภาพ ป.ป.ช.ขัด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามทุจริต 2542 หรือไม่

วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายธีรวิทย์ พุ่มมั่น แกนนำชมรมพระประแดงและพระสมุทรเจดีย์ 52 และนายไชยนิรันด์ พะยอมแย้ม แกนนำองค์กรพิทักษ์ความเป็นธรรม พร้อมแนวร่วมคนเสื้อแดงกว่า 50 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผ่าน พ.ต.อ.สุทธินาท สุดยอด รองเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ก่อเหตุปิดล้อมรัฐสภา บุกยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ

นายสมยศกล่าวว่า การปิดล้อมรัฐสภาของกลุ่ม พธม.เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และการยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ทุกเหตุการณ์มีการวางแผนใช้ความรุนแรงโดยใช้วัตถุระเบิดและอาวุธปืนอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ดำเนินการทางกฎหมายกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เหมือนเช่นคดีอื่นๆ เนื่องจากถูกแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบและรัฐบาลที่กำลังเกื้อกูลต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้นกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ชมรมพระประแดงและพระสมุทรเจดีย์ 52 และองค์กรพิทักษ์ความเป็นธรรมจึงรวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท เร่งดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯและผู้ที่เกี่ยวข้องกับทุกเหตุการณ์ตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมกันนี้กลุ่มผู้รักความเป็นธรรมขอให้กำลังใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้ง พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ที่ได้รักษากฎหมายของบ้านเมืองด้วยความสุจริตใจ

นายสมยศกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น. ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจต่อเจ้าหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากศาลปกครองได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2551 แล้วว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบที่จะได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 63 เพราะมีการใช้ระเบิด อาวุธปืน เหล็กแป๊ป ก้อนหิน รวมทั้งหนังสติ๊กเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนผู้เกี่ยวข้องต้องสั่งการให้มีการสลายการชุมนุมเพื่อแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ดังนั้น มติของ ป.ป.ช.ที่ระบุว่าผู้สั่งการให้สลายการชุมนุมมีความผิดทั้งทางวินัย วินัยร้ายแรงและความผิดตามมาตรา 157 นั้น จึงไม่เป็นธรรมกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อย

“ในส่วนนี้ข้อเรียกร้องให้บุคคลทั้ง 7 และประชาชนผู้รักความเป็นธรรมอย่าได้เห็นชอบกับคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. พร้อมทั้งขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสอบสวนถึงสถานภาพของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าขัดกับ พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 ด้วยหรือไม่ ” นายสมยศกล่าว