คณะทำงานอัยการต่างประเทศ กลับไทยแล้ว หลังเดินทางเจรจาสนธิสัญญาฯ ไทย-ฮ่องกง เพื่อล่าตัว “ทักษิณ” กลับมาดำเนินคดี เผยผลเจรจาคืบหน้า ทั้งอธิบาย แลกเปลี่ยนความเห็น ก่อนให้แต่ละฝ่ายนำประเด็นต่างๆ ไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนัดเจรจาความคืบหน้าครั้งต่อไป พร้อมรายงานผลเจรจาให้อัยการสูงสุดทราบแล้ว
วันนี้ (22 มี.ค.) นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากการไปเจรจาร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับฮ่องกง เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาดำเนินคดีในประเทศไทย ตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ให้จำคุก 2 ปี ว่า คณะทำงานที่ไปเจรจาเพิ่งเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย เมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ซึ่งการเจรจาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีการอธิบายและแลกเปลี่ยนความเห็นในร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งกันและกัน ว่า มีประเด็นใดที่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันและรับกันได้บ้าง อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นที่ยังรับกันไม่ได้หรือทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันอยู่ ก็จะมีการทำเครื่องหมายวงเล็บเอาไว้ เพื่อจะได้มอบหมายให้คณะทำงานแต่ละฝ่าย ทั้งไทยและฮ่องกง นำประเด็นดังกล่าวกลับไปศึกษาและพิจารณา ก่อนจะมีการนัดเจรจาร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนในครั้งต่อไป
นายศิริศักดิ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นมีประเด็นที่ร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับฮ่องกงไม่ตรงกันอยู่ คือ 1.กฎหมายของฮ่องกงใช้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ (Common Law System) หรือกฎหมายจารีตประเพณี ขณะที่กฎหมายของไทยใช้เป็นระบบประมวลกฎหมาย หรือระบบลายลักษณ์อักษร (Civil Law System) 2.ภาษา แม้ร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนของฮ่องกงใช้ภาษาอังกฤษ เหมือนสนธิสัญญาฯหรือกฎหมายประเทศอื่นๆ แต่เมื่อให้คณะทำงานในส่วนของฮ่องกงแปลความหมายให้คณะทำงานของฝ่ายไทยฟัง ก็พบว่า มีความหมายเฉพาะ แตกต่างไปจากความหมายในคำศัพท์ภาษาอังกฤษบ้าง ซึ่งเป็นไปได้และเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น คณะทำงานของแต่ละฝ่ายจึงต้องนำประเด็นต่างๆดังกล่าวกลับไปพิจารณาอีกครั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน โดยคาดว่า ในอนาคตร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทยกับฮ่องกง จะมีทั้งหมด 3 ภาษาคือภาษาอังกฤษ ไทยและจีน ส่วนประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกัน คือหากมีความจำเป็นต้องส่งเอกสารหรือข้อมูลต่างๆ ระหว่างกัน จะส่งผ่านมายังผู้ประสานงานส่วนกลางของแต่ละประเทศ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยคืออัยการสูงสุด
อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป คือ คณะทำงานฝ่ายฮ่องกง ต้องการให้ร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ระหว่างไทยและฮ่องกง ระบุความผิดเป็นข้อหาให้ชัดเจน ประมาณ 46 ข้อหา เช่น ข้อหาลักทรัพย์ ฉ้อโกงทรัพย์ เสี่ยงภาษี เป็นต้น ซึ่งเขาให้เหตุผลว่ากฎหมายฮ่องกงให้อำนาจเท่าที่ระบุไว้ แต่คณะทำงานของไทยต้องการให้ใช้ถ้อยคำกลางๆ เพื่อให้ครอบคลุมทั้งหมด เช่น ผู้ใดกระทำผิดกฎหมาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป สามารถขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ตามสนธิสัญญาฯดังกล่าวได้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาในประเด็นรายละเอียดอื่นๆ เช่น การขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนชั่วคราว หรือบางกรณีที่ยกเว้น ไม่สามารถส่งให้ได้ตามสนธิสัญญาฯ
อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ภายหลังเดินทางกลับประเทศไทย ตนได้รายงานความคืบหน้าด้วยวาจาเกี่ยวกับการเจรจาร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทยและฮ่องกง ให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดทราบแล้ว หลังจากนี้ ในส่วนก็คณะทำงานของฝ่ายไทยก็คงต้องประชุมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือศาล อัยการ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาและศึกษาประเด็นต่างๆว่า ในส่วนของคณะทำงานของไทยจะมีข้อสรุปและความคิดเห็นอย่างไร รวมทั้งประเด็นที่เห็นต่างกันอยู่สามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อเตรียมนำเสนอในการเจรจาสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับฮ่องกงครั้งต่อไป