ป.จับแก๊งหมอขายยาทำแท้งเล็งสาวถึงกรณี นศ.เชียงใหม่ ซื้อยามากินขับเลือดจนตาย

ตำรวจกองปราบร่วมกับ อย.จับแก๊งหมอขายยาทำแท้งผ่านเว็บไซต์ หลังตรวจพบมีการโอนเงินเพื่อสั่งซื้อเดือนละหลายแสนบาท เล็งสอบกรณี นศ.สาวเชียงใหม่ กินยาขับเลือดตายว่าสั่งซื้อมาจากแก๊งดังกล่าวหรือไม่

วันนี้ (13 มี.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น.ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.พร้อมด้วย ภญ.วีรวรรณ แดงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผกก.1 บก.ป.พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ช่วยราชการ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน พ.ต.ต.ธีรพัฒน์ ธารีไทย สว.กก.1 บก.ป.และ ร.ต.อ.สิทธิชัย การินทร์ รอง สว.กก.1 บก.ป.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นพ.อังกูร อังกุรวานิช อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ถ.ราชมรรคา ต.สนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม นายสมชาย สุนันท์เจริญกิจ อายุ 43 ปี นายสว่าง บุญเยี่ยม อายุ 56 ปี นายวิสิทธิ์ ศิริมงคลชัยกุล และ น.ส.กัลยา ศิริมงคลชัยกุล โดยจับกุม นพ.อังกูล ได้บริเวณที่ทำการไปรษณีย์นครปฐม ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจับกุมตัวได้ที่ร้านขายา “สถานียา” ตั้งอยู่เลขที่ 18/1 ถ.สะพานโยง ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม พร้อมของกลางยาทำแท้ง 4 ชุด ไวอะกร้า และยานอนหลับอีกจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุนักศึกษาสาว อายุ 20 ปี ชั้น ปวส.โรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เสียชีวิตจากการกินยาขับเลือดทำแท้ง โดยพบอวัยวะเพศมีเลือดไหลไม่หยุด ส่วนที่ชักโครกในห้องพักพบซากรกและก้อนเลือด ซึ่งแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ สันนิษฐานว่า เสียชีวิตจากการกินยาทำแท้งที่มีการโฆษณาขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทางตำรวจกองปราบปราม จึงสืบสวนหาที่มาของยาดังกล่าว เนื่องจากเป็นยาอันตรายที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย เกรงว่า ผู้ที่ซื้อไปรับประทานอาจเสียชีวิตได้ จากการสืบสวนพบทราบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายยาชนิดดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ www.cytotec99.com ซึ่งมีการเสนอขายยาทำแท้งหลากหลายชนิด มีการอ้างชื่อ นพ.ประดิษฐ์ ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้ให้คำแนะนำประจำเว็บไซด์ระบุขนาดและชนิดของยาและราคา ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงพันบาท รวมทั้งมีการอธิบายขนาดและวิธีการใช้อย่างละเอียดตามอายุครรภ์ โดยอ้างว่ายาดังกล่าวไม่มีอันตราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวิธีการสั่งซื้อและจัดส่งยานั้นผู้ที่สนใจจะต้องสั่งซื้อและโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารชื่อบัญชี นายสมชาย สุนันท์เจริญกิจ ซึ่งทางชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.จึงวางแผนล่อซื้อยาทำแท้งจำนวน 1 ชุด ในราคา 3,040 บาท จากนั้นยาดังกล่าวถูกส่งมาให้จากไปรษณีย์นครปฐม จึงนำยาดังกล่าวส่งไปให้ทาง อย.ตรวจสอบ และจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายสมชาย ยังพบว่า มีการโอนเงินเพื่อสั่งซื้อยาเดือนละหลายแสนบาท เจ้าหน้าที่จึงทำการล่อซื้อยาอีก 4 ชุด โดยมีกำลังนอกเครื่องแบบส่วนหนึ่งจับตาดูผู้ที่นำยามาส่งที่ไปรษณีย์นครปฐม เมื่อพบตัว นพ.อังกูร จึงขอทำการตรวจค้นและจับกุม จากนั้นได้เข้าตรวจค้นที่โกดังเก็บยา และร้านยา “สถานียา” พบตัว นายสว่าง นายวิสิทธิ์ และ น.ส.กัลยาศิริ เป็นผู้จำหน่ายยาในร้าน จากการตรวจค้นพบยาไวอะกร้า จำนวน 4 เม็ด แต่ทั้งหมดไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายยา

นอกจากนี้ กำลังชุดเดียวกันได้เข้าตรวจค้นคลีนิกสูตินรีเวช “อังกูร-อรพินท์” ของ นพ.อังกูร ตั้งอยู่เลขที่ 52 ถนนพญาพาน อ.เมือง จ.นครปฐม และตรวจค้น “อรพินท์ทันตแพทย์” เลขที่ 240/9 ถนนราชดำเนิน (ต้นสน) อ.เมือง จ.นครปฐม ของภรรยา นพ.อังกูร แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวนที่กองปราบปราม

จากการสอบสวน นพ.อังกูร ให้การว่า ตนเคยทำงานเป็นแพทย์ สูติ-นรีเวช อยู่ที่ รพ.ศูนย์นครปฐม แต่เนื่องจากเบื่อหน่ายในระบบราชการ จึงลาออกมาเปิดคลินิกของตนเองได้หลายปีแล้ว ส่วนเรื่องการจัดจำหน่ายยาทำแท้งนั้น ตนไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด เพราะตนแค่รับจ้างคอยส่งจดหมายให้กับเพื่อนคนหนึ่ง โดยจะได้ค่ารับจ้างส่งเพียงซองละ 100 บาทเท่านั้น

ด้าน ภญ.วีรวรรณ กล่าวว่า ทาง อย.ได้ติดตามตรวจสอบการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายยาทำแท้งที่ไม่ได้รับอนุญาตจากต่างประเทศมาโดยตลอดและพบว่ามีการเสนอขายทางเว็บไซต์หลายแห่ง ที่ผ่านมา ได้ประสานกับทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ช่วยตรวจสอบและปิดเว็บไซต์เหล่านี้ไปแล้วกว่า 10 แห่ง แต่ก็ยังก็มีการเปิดเว็บใหม่ขึ้นมาอีกโดยเปิดเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ สำหรับการตรวจสอบยาที่ได้จากการล่อซื้อครั้งนี้พบว่าเป็นยาไซโตล็อก และยา MTPILL โดยตัวยาชนิดเดียวกับไซโตล็อกมีการขึ้นทะเบียนกับ อย.มีสรรพคุณในการรักษาโรคกระเพาะ แต่ในผู้หญิงที่รับประทานเข้าไปจะมีผลข้างเคียงกับการบีบตัวของมดลูก ประกอบกับการแนะนำของผู้ขายจะระบุว่าให้นำยาดังกล่าวไปสอดบริเวณช่องคลอดแทนการรับประทานในรายที่ต้องการทำแท้ง ซึ่งมีผลทำใหมดลูกบีบตัวรุนแรง ส่วนตัวยา MTPILL เมื่อรับประทานเข้าไปจะมีผลไปกระตุ้นให้ตัวยาไซโตล็อกออกผลรุนแรงขึ้น

“ในรายของนักศึกษาสาวที่เชียงใหม่ พบว่า มีการใช้ยาทั้งสองชนิดพร้อมกันทำให้มีการขับเลือดออกมามากเป็นเหตุให้เสียชีวิต นอกจากนี้ สำหรับยาที่พบในโกดังมียาควบคุมพิเศษที่มีการลักลอบนำเข้าอีกหลายชนิด เบื้องต้นจะแจ้งดำเนินคดีกับผู้ต้องหากลุ่มนี้ในข้อหาขายยาแผนปัจจุบันโดยมิได้รับอนุญาต และขายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ” ภญ.วีรวรรณ กล่าว

ส่วน พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า สำหรับ นพ.อังกูร แจ้งข้อหาขายยาแผนปัจจุบันโดยมิได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท จากการสอบสวน นพ.อังกูร ให้การปฏิเสธว่า ยาดังกล่าวซื้อมาจากเพื่อน จากนั้นได้ประกาศขายทางอินเตอร์เน็ต โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษาหรือวัยรุ่นใจแตกที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์สั่งซื้อโดยโอนเงินมาในบัญชีของ นายสมชาย และตนได้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม เมื่อได้รับเงินมาก็จะส่งยาให้ลูกค้าทางไปรษณีย์ ซึ่งในรายของนักศึกษาที่ จ.เชียงใหม่ นั้นก็จะต้องตรวจสอบย้อนหลังต่อไปว่ามีการสั่งซื้อจากที่นี่หรือไม่ เบื้องต้นก็จะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองนครปฐม ดำเนินคดีต่อไป