“อำนวย” นำทีมคลี่คลายคดีโจรกรรมร้อยล้าน เน้นทำงานรอบคอบรวดเร็ว ขยายผลจับผู้ต้องหาโจรกรรมลักทรัพย์เพิ่ม หลังพบวงจรปิดตามหมู่บ้านต่างๆ จับภาพคนร้ายไว้ได้ ส่วนพื้นที่นครบาลแก๊ง “หมูสกปรก” ลงมือ 48 คดี ที่ภูธร 26 คดี รวมทั้งหมด 74 คดี ซึ่งต้องประสานแต่ละพื้นที่ขออนุมัติหมายจับเพิ่ม และอายัดตัวผู้ต้องหา-แจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย เพราะก่อเหตุต่างกรรมต่างวาระ ขณะที่ ผบช.น.ย้ำให้เร่งล่าวายร้ายที่เหลือมาดำเนินคดี จัดระบบเก็บของกลางง่ายต่อการตรวจสอบ
วันนี้ (10 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี นายหทัย ไชยวัณณ์ หรือ ออฟซ่า อดีตนักแข่งรถชื่อดัง พร้อมพวกตระเวนลักทรัพย์บ้านคนรวยได้ทรัพย์สินรวม 200 กว่าล้านบาท เรียกประชุมพนักงานสอบสวนทั้งหมด 37 นาย ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ตามคำสั่ง บช.น.ที่ 81/2552 โดยมี พล.ต.ต.อำนวย ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ศานุจารย์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธนกฤช โภควณิช รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.วัชรา งามขำ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.นักรบ สุดใจ รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.สุรนิตย์ พรหมบุตร รอง ผบก.น.9 เป็น รองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ส่วนพนักงานสืบสวนสอบสวนนั้นประกอบด้วย พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ เงินฉลาด พ.ต.ท.ประพจน์ อนุศิริ พ.ต.ต.สุรชัช สุวรรณศรี เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนและผู้ช่วยเลขานุการ และพนักงานสอบสวนจาก สน.ต่างๆ รวม 37 นาย
โดยที่ประชุมวันนี้ได้กำหนดกรอบวางแนวทางการทำงาน ตรวจสอบความคืบหน้าของการพิสูจน์ทรัพย์ที่ยึดมาได้ การส่งมอบคืนเจ้าของทรัพย์ ตลอดจนการติดตามอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่จับ และการมอบตัวของผู้ต้องหาภายหลัง พล.ต.ท.วรพงษ์ แต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดดังกล่าวทำหน้าที่คลี่คลายคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และติดตามตัวผู้กระทำความผิดพร้อมของกลางที่เหลือกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด เนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน พร้อมสั่งการให้ขยายผลการทำผิดในลักษณะเดียวกันในหลายท้องที่ด้วย โดยเน้นย้ำการสอบสวนให้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง หากพนักงานสอบสวนที่แต่งตั้งดังกล่าวไม่เพียงพอก็ให้หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมได้ตามเห็นสมควร
ทั้งนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ได้กำชับสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังเหลืออยู่ให้ได้ และให้จัดระบบการเก็บของกลาง การตรวจสอบ การคืนของกลางอย่างรอบคอบ อย่าให้เกิดความผิดพลาด นอกจากนี้ ยังสั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 ตรวจสอบว่า มีท้องที่ใดเกี่ยวข้องกับคดีลักษณะกันบ้าง เพื่อจะได้นำมารวมเข้าเป็นสำนวนเดียวกัน และให้เร่งรัดพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนขยายผลให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นคดีใหญ่มีความเสียหายจำนวนมากและเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ว่า บช.น.ให้ความสำคัญในการคลี่คลายคดี เพราะเห็นการกระทำที่เกิดขึ้นถือว่ามีความรุนแรง และเชื่อว่า ยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนหนึ่งยังไม่เข้าแจ้งความ และจากการตรวจสอบจากจำนวนที่ผู้เสียหายมาตรวจสอบของกลางในคดีพบว่า ในพื้นที่นครบาลที่แก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ลงมือนั้นเกิดขึ้น 48 คดี ส่วนในพื้นที่ภูธร ทั้งภาค 1, 4 และ 7 รวมทั้งสิ้น 26 คดี รวมทั้งหมด 74 คดี โดยแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และร่วมกันรับของโจร และยังมีหลักฐานจากวงจรปิดจากหมู่บ้านต่างๆ ที่คนร้ายเข้าไปโจรกรรมสามารถจับภาพไว้ได้ โดยคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดในส่วนของภูธรนั้นจะประสานพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติม และอายัดตัวผู้ต้องหาพร้อมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย เพราะเป็นการก่อเหตุต่างกรรมต่างวาระ