ขรก.ยุติธรรมร้องขอให้ตรวจสอบ กบข.บริหารเงินออมข้าราชการทั่วประเทศขาดทุนยับ ด้าน ป.ป.ท.เตรียมประสานนักวิเคราะห์การเงินประเมินการตัดสินใจลงทุนที่ติดลบของ กบข.เผยยอดเสียหายจะเกิดกับข้าราชการทั่วประเทศถึงรายละ 10,000 บาท
วันนี้ (10 มี.ค.) รายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ข้าราชการในกระทรวงยุติธรรมจำนวนหนึ่ง ได้เข้าร้องทุกข์ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ให้ช่วยตรวจสอบกรณีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) บริหารเงินกองทุนสะสม ซึ่งเป็นเงินออมของข้าราชการทั่วประเทศ ในปี 2551 จนเป็นผลให้ผลตอบแทนติดลบคิดเป็นร้อยละ 5.31 โดยหนังสือร้องเรียน ระบุว่า ตัวเลขเงินสะสมในกองทุน กบข.ติดลบทั้งในยอดเงินประเดิม เงินสะสมของข้าราชการ เงินสมทบของทางราชการ และเงินชดเชย โดยผู้เสียหายรายหนึ่ง ระบุว่า เงินสะสมขาดทุนติดลบไปกว่า 23,000 บาท จึงต้องการให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบ เข้ามาตรวจสอบว่ามีการตัดสินใจนำเงิน กบข.ไปลงทุนโดยมิชอบหรือไม่ โดยหนังสือร้องเรียนได้ตั้งข้อสังเกตว่า กบข.ตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงมากกว่า เลือกซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ให้ผลตอบแทนสูง จึงอาจมองได้ว่า มีฝ่ายการเมืองแทรกแซงการตัดสินใจในการลงทุนหรือไม่ เพราะหุ้นที่ กบข.นำเงินไปลงทุนอาจเอื้อประโยชน์ให้หุ้นดังกล่าวมีมูลค่าสูงขึ้น
รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน ป.ป.ท.ได้เร่งตรวจสอบจำนวนข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.ทั่วประเทศ คาดว่า มีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน และจะทำหนังสือขอรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนและดูแลเงินออมของข้าราชการไปยัง กบข.นอกจากนี้ จะประสานให้นักวิเคราะห์การเงินการลงทุนมาช่วยตรวจสอบ ว่า ในภาวะปกติจะตัดสินใจซื้อหุ้นตัวเดียวกับที่กบข.ลงทุนหรือไม่ เนื่องจากการตัดสินใจลงทุนของผู้บริหารกบข.ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินออมของข้าราชการทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับข้าราชการทั่วประเทศทุกกระทรวงทบวงกรมนั้น มีตัวเลขเฉลี่ยแล้ว บรรดาข้าราชการจะมีเสียหายคนละประมาณ 10,000 บาท
วันนี้ (10 มี.ค.) รายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ข้าราชการในกระทรวงยุติธรรมจำนวนหนึ่ง ได้เข้าร้องทุกข์ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ให้ช่วยตรวจสอบกรณีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) บริหารเงินกองทุนสะสม ซึ่งเป็นเงินออมของข้าราชการทั่วประเทศ ในปี 2551 จนเป็นผลให้ผลตอบแทนติดลบคิดเป็นร้อยละ 5.31 โดยหนังสือร้องเรียน ระบุว่า ตัวเลขเงินสะสมในกองทุน กบข.ติดลบทั้งในยอดเงินประเดิม เงินสะสมของข้าราชการ เงินสมทบของทางราชการ และเงินชดเชย โดยผู้เสียหายรายหนึ่ง ระบุว่า เงินสะสมขาดทุนติดลบไปกว่า 23,000 บาท จึงต้องการให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบ เข้ามาตรวจสอบว่ามีการตัดสินใจนำเงิน กบข.ไปลงทุนโดยมิชอบหรือไม่ โดยหนังสือร้องเรียนได้ตั้งข้อสังเกตว่า กบข.ตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงมากกว่า เลือกซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ให้ผลตอบแทนสูง จึงอาจมองได้ว่า มีฝ่ายการเมืองแทรกแซงการตัดสินใจในการลงทุนหรือไม่ เพราะหุ้นที่ กบข.นำเงินไปลงทุนอาจเอื้อประโยชน์ให้หุ้นดังกล่าวมีมูลค่าสูงขึ้น
รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน ป.ป.ท.ได้เร่งตรวจสอบจำนวนข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.ทั่วประเทศ คาดว่า มีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน และจะทำหนังสือขอรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนและดูแลเงินออมของข้าราชการไปยัง กบข.นอกจากนี้ จะประสานให้นักวิเคราะห์การเงินการลงทุนมาช่วยตรวจสอบ ว่า ในภาวะปกติจะตัดสินใจซื้อหุ้นตัวเดียวกับที่กบข.ลงทุนหรือไม่ เนื่องจากการตัดสินใจลงทุนของผู้บริหารกบข.ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินออมของข้าราชการทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับข้าราชการทั่วประเทศทุกกระทรวงทบวงกรมนั้น มีตัวเลขเฉลี่ยแล้ว บรรดาข้าราชการจะมีเสียหายคนละประมาณ 10,000 บาท