คนร้ายลอบปีนรั้วโรงเรียนสตรีวิทยา เข้าไปรื้อค้นล้วงเครื่องในซีพียูคอมพิวเตอร์ใช้งานโรงเรียนจำนวน 61 ตัว การ์ดจอวีจีเอ 16 อัน แรม 61 ตัว มูลค่าเสียหายกว่า 4 แสนบาท ตำรวจคาดคนร้านมาไม่ต่ำกว่า 2 อาศัยยามวิกาลเข้าไปขโมยของหลวง เก็บลายนิ้วมือแฝงสืบตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ร.ต.ท.วรชิต บุญส่ง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ชนะสงคราม รับแจ้งมีเหตุลักทรัพย์ภายในโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้องคอมพิวเตอร์ ชั้น 2 ของอาคาร 7 (เบญจภัทรดิเรก) เจ้าหน้าที่พบว่าตัวซีพียูคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์ถูกดึงออกมาวางไว้ที่พื้นในลักษณะตะแคงข้าง ฝาเครื่องถูกถอดออกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์ภายในของแต่ละเครื่องถูกถอดออกไปทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายนิ้วมือแฝงที่ติดอยู่ตามโต๊ะและซีพียูคอมพิวเตอร์ไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายจรัสฤทธิ์ กลิ่นสุวรรณ รอง ผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุวานนี้ (5 มี.ค.) ห้องดังกล่าวมีอาจารย์ของโรงเรียนใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งช่วง 22.30 น. ก็ปิดห้องล็อกประตูหน้าเรียบร้อย จนช่วงเช้าวันนี้ อาจารย์บางส่วนก็เดินทางมาเปิดห้องเพื่อจะใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อ ก็พบว่าคอมพิวเตอร์ถูกขโมยอุปกรณ์ไปดังกล่าว
รอง ผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา กล่าวต่อไปว่า จาการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์พบว่า คนร้ายได้ขโมยตัวซีพียู (เครื่องความจำ) จำนวน 61 ตัว แรม (หน่วยความจำ) จำนวน 61 ตัว และการ์ดจอวีจีเอ จำนวน 16 อัน รวมมูลค่าความเสียหาย 417,300 บาท
ด้าน พ.ต.ต.สมยศ กล่าวว่า จากการตรวจบริเวณจุดเกิดเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน โดยกลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงเวลากลางคืนปีนกำแพงรั้วโรงเรียนเข้ามา ก่อนเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 2 แล้วใช้เท้าถีบบังตาที่เป็นอลูมิเนียมจนหักงอ มุดออกไปที่ระเบียง เดินเลาะริมระเบียงแล้วปีนเข้าทางหน้าต่างห้องคอมพิวเตอร์เข้าไปขโมยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ดังกล่าว
พ.ต.ต.สมยศ กล่าวต่อไปด้วยว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะตรวจสอบข้อมูลของกลุ่มคนร้ายที่เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวตามท้องที่ต่างๆ นอกจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตามแหล่งค้าขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ใน กทม.และปริมณฑล เช่น ห้างพันธุ์ทิพย์ หรือ ฟอร์จูน เพราะคาดว่าคนร้ายอาจจะนำอุปกรณ์ที่ขโมยมาไปจำหน่ายในราคาถูก
ในวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้สั่งการเจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาล 1 และตำรวจ สน.ชนะสงคราม ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุภายในโรงเรียนสตรีวิทยา ภายหลังคนร้ายบุกลักทรัพย์ตรวจสอบพบว่า ตัวซีพียู (เครื่องความจำ) จำนวน 61 ตัว แรม (หน่วยความจำ) จำนวน 61 ตัว และการ์ดจอวีจีเอ จำนวน 16 อันมูลค่าความเสียหาย 417,300 บาทเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาพร้อมลงพื้นที่ตลาดมืดย่านพันธ์ทิพย์ คลองถม ตะวันนา หาเบาะแสข้อมูลคนร้ายนำไปสู่การติดตามจับกุมตัวและติดตามของกลางที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา
ผบก.น.1 กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะเรียกตัวเจ้าหน้าที่ รปภ.โรงเรียนและภารโรงมาสอบปากคำว่าพบเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ หรือไม่ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาเพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะลักลอบเข้าไปทำการโจรกรรมในเวลานั้นเป็นช่วงปลอดคนโดยมุ่งประเด็นคนร้ายใน 2 กลุ่มคือ พวกที่มีพฤติกรรมโจรกรรมอยู่ก่อนทำเป็นอาชีพ และกลุ่มคนในที่รู้เห็นความเคลื่อนไหวภายในโรงเรียนซึ่งอาจรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำการดังกล่าว อย่างไรก็ดีอยากฝากไปยังผู้ที่ทำผิดว่า หากตำรวจสืบสวนจับกุมได้จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดรวมถึงผู้ที่รับซื้อของโจรก็มีโทษหนักด้วย หากรู้ตัวว่าทำผิดก็สามารถกลับตัวกลับใจนำของกลางมาส่งคืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา
วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ร.ต.ท.วรชิต บุญส่ง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ชนะสงคราม รับแจ้งมีเหตุลักทรัพย์ภายในโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้องคอมพิวเตอร์ ชั้น 2 ของอาคาร 7 (เบญจภัทรดิเรก) เจ้าหน้าที่พบว่าตัวซีพียูคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์ถูกดึงออกมาวางไว้ที่พื้นในลักษณะตะแคงข้าง ฝาเครื่องถูกถอดออกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์ภายในของแต่ละเครื่องถูกถอดออกไปทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายนิ้วมือแฝงที่ติดอยู่ตามโต๊ะและซีพียูคอมพิวเตอร์ไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายจรัสฤทธิ์ กลิ่นสุวรรณ รอง ผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุวานนี้ (5 มี.ค.) ห้องดังกล่าวมีอาจารย์ของโรงเรียนใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งช่วง 22.30 น. ก็ปิดห้องล็อกประตูหน้าเรียบร้อย จนช่วงเช้าวันนี้ อาจารย์บางส่วนก็เดินทางมาเปิดห้องเพื่อจะใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อ ก็พบว่าคอมพิวเตอร์ถูกขโมยอุปกรณ์ไปดังกล่าว
รอง ผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา กล่าวต่อไปว่า จาการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์พบว่า คนร้ายได้ขโมยตัวซีพียู (เครื่องความจำ) จำนวน 61 ตัว แรม (หน่วยความจำ) จำนวน 61 ตัว และการ์ดจอวีจีเอ จำนวน 16 อัน รวมมูลค่าความเสียหาย 417,300 บาท
ด้าน พ.ต.ต.สมยศ กล่าวว่า จากการตรวจบริเวณจุดเกิดเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน โดยกลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงเวลากลางคืนปีนกำแพงรั้วโรงเรียนเข้ามา ก่อนเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 2 แล้วใช้เท้าถีบบังตาที่เป็นอลูมิเนียมจนหักงอ มุดออกไปที่ระเบียง เดินเลาะริมระเบียงแล้วปีนเข้าทางหน้าต่างห้องคอมพิวเตอร์เข้าไปขโมยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ดังกล่าว
พ.ต.ต.สมยศ กล่าวต่อไปด้วยว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะตรวจสอบข้อมูลของกลุ่มคนร้ายที่เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวตามท้องที่ต่างๆ นอกจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตามแหล่งค้าขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ใน กทม.และปริมณฑล เช่น ห้างพันธุ์ทิพย์ หรือ ฟอร์จูน เพราะคาดว่าคนร้ายอาจจะนำอุปกรณ์ที่ขโมยมาไปจำหน่ายในราคาถูก
ในวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้สั่งการเจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาล 1 และตำรวจ สน.ชนะสงคราม ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุภายในโรงเรียนสตรีวิทยา ภายหลังคนร้ายบุกลักทรัพย์ตรวจสอบพบว่า ตัวซีพียู (เครื่องความจำ) จำนวน 61 ตัว แรม (หน่วยความจำ) จำนวน 61 ตัว และการ์ดจอวีจีเอ จำนวน 16 อันมูลค่าความเสียหาย 417,300 บาทเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาพร้อมลงพื้นที่ตลาดมืดย่านพันธ์ทิพย์ คลองถม ตะวันนา หาเบาะแสข้อมูลคนร้ายนำไปสู่การติดตามจับกุมตัวและติดตามของกลางที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา
ผบก.น.1 กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะเรียกตัวเจ้าหน้าที่ รปภ.โรงเรียนและภารโรงมาสอบปากคำว่าพบเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ หรือไม่ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาเพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะลักลอบเข้าไปทำการโจรกรรมในเวลานั้นเป็นช่วงปลอดคนโดยมุ่งประเด็นคนร้ายใน 2 กลุ่มคือ พวกที่มีพฤติกรรมโจรกรรมอยู่ก่อนทำเป็นอาชีพ และกลุ่มคนในที่รู้เห็นความเคลื่อนไหวภายในโรงเรียนซึ่งอาจรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำการดังกล่าว อย่างไรก็ดีอยากฝากไปยังผู้ที่ทำผิดว่า หากตำรวจสืบสวนจับกุมได้จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดรวมถึงผู้ที่รับซื้อของโจรก็มีโทษหนักด้วย หากรู้ตัวว่าทำผิดก็สามารถกลับตัวกลับใจนำของกลางมาส่งคืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา