บก.น.4 รวบโจ๋อดีตช่างสีลอบค้ายาบ้า ยึดของกลางกว่า 6 พันเม็ด สารภาพเดิมทำงานอยู่บริษัทสี ไทโยเพ้นท์ ทนเหม็นกลิ่นสีไม่ไหวเลยลาออกมาค้ายาบ้าหารายได้เลี้ยงตัวเอง พร้อมจับผู้ต้องหาปล้นร้านทองเยาวราช หลังหลบหนีหัวซุกหัวซุนมานาน
วันนี้ (20 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (บก.น.4) พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.ท.กิตติพัทธ์ เที่ยงน้อย รอง ผกก.สส.สน.หัวหมาก ควบคุมชุดปส.บก.น.4 ร.ต.อ.พิภัสสร์ พูนลัน ร.ต.ท.เมธี มณีวงษ์ เจ้าหน้าที่ชุด ปส.บก.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายพิจิตร์ หรือเปลว บุญจันทร์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 429 ถนนลาดกระบัง แขวงและเขตลาดกระบัง และนายวรวุฒิ หรือเต๋า เถื่อนเมือง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 405 ถนนลาดกระบัง แขวงและเขตลาดกระบัง พร้อมของกลาง 6,367 เม็ด รถเบนซ์ รุ่นอี 300 สีดำ หมายเลขทะเบียน งร-5994 กทม. เงินสดจำนวน 50,000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง
พล.ต.ต.วิมล เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 19.30 น.วานนี้ (19 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ชุด ปส.บก.น.4 จับกุมนายพิจิตรพร้อมของกลางยาบ้า 167 เม็ด ได้ที่บริเวณกลางซอยลาดกระบังซอย 8 แขวงและเขตลาดกระบัง สอบสวนเบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพว่ารับยาบ้ามาจากนายเต๋า ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง จึงวางแผนล่อซื้อ จนกระทั่งเวลา 23.00 น.นายวรวุฒิ ก็ขับรถเบนซ์คันดังกล่าวเข้ามา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นก็พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในลิ้นชักหน้ารถจำนวน 200 เม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจค้นภายในห้องพักพาราไดซ์แมนชั่น เลขที่ C513 ถนนร่มเกล้า-สุวรรณภูมิซอย 8 พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่อีก 6000 เม็ด จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ โดยนายวรวุฒิให้การว่า ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่บริษัทสี ไทโยเพ้นท์ จำกัด ย่านประเวศ แต่ตนทนเหม็นสีไม่ไหว เลยลาออกมาค้ายาบ้า โดยจะไปรับยามาจากนายตั้มอีกทอดหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้นก็เก็บเงินรายที่ได้จากการขายยามาตลอดจนกระทั่งเพิ่งเอาเงิน 200,000 บาท ไปดาวน์รถเบนซ์คันดังกล่าวออกมาได้แค่ 4-5 วันก็มาถูกจับ ส่วนนายพิจิตรให้การว่าทำอาชีพค้าขายเสื้อผ้ามานานแล้ว แต่เงินไม่พอใช้เลยไปรับยาบ้ามาจากนายวรวุฒิ มาขายอีกต่อหนึ่ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทวีป โพธิ์แก้ว รอง ผกก.สืบสวน บก.น.4 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กก.สืบสวน บก.น.4 จับกุมนายสุรเชษฐ์ หรือเชษฐ์ สุทธิพันธ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 5 ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหายจับศาลอาญาเลขที่ 3127/2545 ลงวันที่ 29 พ.ย.45 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร หรือรับของโจร
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 15 ม.ค.39 ผู้ต้องหาพร้อมกับพวกได้ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน และรถเก๋ง 1 คัน ใช้อาวุธปืน 2 กระบอก ก่อเหตุปล้นร้านทองอินทรารักษ์ ได้ทองไปมูลค่า 130,000 บาท และปล้นร้านทองเยาวราช ได้ทองไปมูลค่า 940,000 บาท และหลบหนีไป ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ทได้ติดตามจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช โดยจากการสอบสวนผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ และไม่รู้ด้วยว่าถูกออกหมายจับ หากรู้ก็คงจะมามอบตัว
วันนี้ (20 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (บก.น.4) พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.ท.กิตติพัทธ์ เที่ยงน้อย รอง ผกก.สส.สน.หัวหมาก ควบคุมชุดปส.บก.น.4 ร.ต.อ.พิภัสสร์ พูนลัน ร.ต.ท.เมธี มณีวงษ์ เจ้าหน้าที่ชุด ปส.บก.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายพิจิตร์ หรือเปลว บุญจันทร์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 429 ถนนลาดกระบัง แขวงและเขตลาดกระบัง และนายวรวุฒิ หรือเต๋า เถื่อนเมือง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 405 ถนนลาดกระบัง แขวงและเขตลาดกระบัง พร้อมของกลาง 6,367 เม็ด รถเบนซ์ รุ่นอี 300 สีดำ หมายเลขทะเบียน งร-5994 กทม. เงินสดจำนวน 50,000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง
พล.ต.ต.วิมล เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 19.30 น.วานนี้ (19 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ชุด ปส.บก.น.4 จับกุมนายพิจิตรพร้อมของกลางยาบ้า 167 เม็ด ได้ที่บริเวณกลางซอยลาดกระบังซอย 8 แขวงและเขตลาดกระบัง สอบสวนเบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพว่ารับยาบ้ามาจากนายเต๋า ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง จึงวางแผนล่อซื้อ จนกระทั่งเวลา 23.00 น.นายวรวุฒิ ก็ขับรถเบนซ์คันดังกล่าวเข้ามา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นก็พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในลิ้นชักหน้ารถจำนวน 200 เม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจค้นภายในห้องพักพาราไดซ์แมนชั่น เลขที่ C513 ถนนร่มเกล้า-สุวรรณภูมิซอย 8 พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่อีก 6000 เม็ด จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ โดยนายวรวุฒิให้การว่า ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่บริษัทสี ไทโยเพ้นท์ จำกัด ย่านประเวศ แต่ตนทนเหม็นสีไม่ไหว เลยลาออกมาค้ายาบ้า โดยจะไปรับยามาจากนายตั้มอีกทอดหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้นก็เก็บเงินรายที่ได้จากการขายยามาตลอดจนกระทั่งเพิ่งเอาเงิน 200,000 บาท ไปดาวน์รถเบนซ์คันดังกล่าวออกมาได้แค่ 4-5 วันก็มาถูกจับ ส่วนนายพิจิตรให้การว่าทำอาชีพค้าขายเสื้อผ้ามานานแล้ว แต่เงินไม่พอใช้เลยไปรับยาบ้ามาจากนายวรวุฒิ มาขายอีกต่อหนึ่ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทวีป โพธิ์แก้ว รอง ผกก.สืบสวน บก.น.4 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กก.สืบสวน บก.น.4 จับกุมนายสุรเชษฐ์ หรือเชษฐ์ สุทธิพันธ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 5 ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหายจับศาลอาญาเลขที่ 3127/2545 ลงวันที่ 29 พ.ย.45 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร หรือรับของโจร
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 15 ม.ค.39 ผู้ต้องหาพร้อมกับพวกได้ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน และรถเก๋ง 1 คัน ใช้อาวุธปืน 2 กระบอก ก่อเหตุปล้นร้านทองอินทรารักษ์ ได้ทองไปมูลค่า 130,000 บาท และปล้นร้านทองเยาวราช ได้ทองไปมูลค่า 940,000 บาท และหลบหนีไป ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ทได้ติดตามจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช โดยจากการสอบสวนผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ และไม่รู้ด้วยว่าถูกออกหมายจับ หากรู้ก็คงจะมามอบตัว