ตำรวจ ปดส.รวบ 2 หนุ่มผิวหมึก พร้อมแบงก์ดอลลาร์ปลอม จำนวน 5 ล้านดอลล่าร์ คาห้องพักโรงแรมใบหยกสกาย หลังก่อเหตุหลอกลวงสาวใหญ่ร่วมลงทุนซื้อมีน้ำยาเคลือบแบงก์ดอลลาร์ปลอม อ้างตบตาธนาคารให้แลกเงินได้ จนสูญเงิน 3 แสน เจ้าตัวเอะใจแจ้งความตำรวจซ้อนแผนเข้าจับกุม
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ บก.ปดส.เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผกก.1 บก.ปดส.พร้อมด้วย พ.ต.ท.คณธัช มุสิกานนท์ รอง ผกก.1 บก.ปดส.และ พ.ต.ต.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ สว.กก.2 บก.ปดส.ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายไมเคิล เฮนนิส อายุ 31 ปี สัญชาติไลบีเรีย และนายการ์โล บักเคอร์ อายุ 30 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์ พร้อมของกลางธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐฯปลอม จำนวนกว่า 5 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 170 ล้านบาท กระเป๋าเจมส์บอนด์ หนังสือเดินทาง กระเป๋าสตางค์ บัตรประจำตัว บัตรเครดิต และโทรศัพท์มือถืออีก 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ภายในห้องพักโรงแรมใบหยกสกาย เขตราชเทวี กทม.
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นางดา (นามสมมติ) อายุ 45 ปี เจ้าของคอนโดมิเนี่ยมและร้านอาหาร ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้แจ้งความกับตำรวจ บก.ปดส.ว่า ถูก นายไมเคิล และ นายการ์โล ซึ่งรู้จักกัน เนื่องจากทั้งสองมาเข้าพักที่คอนโดมิเนี่ยม โดยทั้งสองอ้างว่าเป็นลูกนายทหาร และมีความต้องการจะซื้อคอนโดมิเนียมที่ตนประกาศขายไว้จำนวน 15 ล้านบาท แต่ทั้งสองอ้างว่ามีเงินสดที่เคลือบน้ำยาพิเศษจำนวน 5 ล้านเหรียญ เก็บไว้ที่ห้องพักในโรงแรมใบหยก ย่านประตูน้ำ กทม.แต่ยังขาดเงินทุนที่จะซื้อน้ำยาที่จะใช้ในการผลิตธนบัตรดอลลาร์ดังกล่าว ซึ่งหากแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยจะมีมูลค่ากว่า 170 ล้านบาท จึงชักชวนให้ตนร่วมลงทุน
นางดา ให้การต่อว่า ระหว่างที่ทั้งสองชักชวนตนอยู่ก็ได้สาธิตวิธีผลิตธนบัตรให้ตนดู และให้ลองนำไปแลกกับธนาคาร ซึ่งก็สามารถแลกได้จริง ทำให้ตนหลงเชื่อและยอมมอบเงินให้เป็นจำนวน 3 แสนบาทไป
“หลังจากนั้น ผู้ต้องหาทั้งสองได้ติดต่อกับฉันอีกครั้ง หลังจากเดินทางเข้า กทม.โดยบอกว่าต้องใช้เงินอีก 5 ล้านบาท เพื่อผลิตธนบัตรที่เคลือบไว้ทั้งหมด ขอให้ตนเดินทางมาหาที่ห้องพัก แต่ฉันเริ่มเอะใจ และคิดว่า น่าจะถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ บก.ปดส.ก่อนจะมีการวางแผนเข้าล่อซื้อและจับกุมได้พร้อมของกลาง” นางดา กล่าว
จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งสองให้การรับสารภาพ โดยระบุว่า ธนบัตรดอลลาร์ปลอมนั้นมีหัวหน้าแก๊งเป็นชาวต่างประเทศ และกำลังจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ ชุดจับกุม บก.ปดส.ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ป.ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ก่อนขยายผลการจับกุมไปยังผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป