การประชุม ก.ตร.ที่มี “เทพเทือก” เป็นประธานล่ม! ถกเถียงกันเคร่งเครียดระหว่างฝ่ายหนุน “วิเชียร” กับ “วัชรพล” สุดท้ายต้องปิดประชุมโดยไม่ได้ข้อยุติ ขณะที่ “วรพงษ์ ชิวปรีชา” ก.ตร.เห็นชอบให้ไปคุมนครบาลแทน “ไถง” เพื่อลดแรงเสียดทาน แลกกับเก้าอี้ “ผบ.ตร.น้อย”
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผูสื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ภายหลังจากที่มีการถกเถียงในตำแหน่งสำคัญๆ หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.พยายามผลักดัน พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นนั่งในตำแหน่งรอง ผบ.ตร. แต่มีรอง ผบ.ตร.หลายคนไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้อง ควรให้ตำแหน่งนี้กับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โยกมานั่งในตำแหน่งนี้แทน เพราะมีคำสั่งอนุ ก.ตร.อุทธรณ์ฯ ให้ พล.ต.อ.วิเชียร ได้รับการแต่งตั้งเข้าตำแหน่งหลักในโอกาสแรกที่มีการแต่งตั้ง ทว่าเมื่อการประชุมดำเนินไปถึงเวลา 16.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานการประชุมได้สั่งให้พักการประชุมเป็นเวลา 45 นาที เนื่องจากในการประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองผบ.ตร.นั้น มีการถกเถียงกันระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนพล.ต.อ.วิเชียร กับฝ่ายที่สนับสนุนพล.ต.ท.วัชรพล อย่างหนักและเคร่งเครียด จนไม่สามารถหาข้อยุติได้
ต่อมาเมื่อเริ่มเข้าประชุมอีกครั้ง ปรากฏว่าการประชุมดำเนินไปได้เพียง 10 นาที ยังไม่ได้ข้อยุติว่า ก.ตร.จะเสนอใครเป็นผู้ขึ้นดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ทางนายสุเทพ ประธานการประชุม จึงสั่งให้ยุติการประชุม และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 13 ก.พ.นี้
หลังการประชุมล่ม นายสุเทพกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ในวันนี้มีวาระการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ไม่สามารถระบุรายชื่อเป็นตัวบุคคลได้ เนื่องจากมีหลายตำแหน่งจำไม่ได้ ซึ่งจะให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. เป็นผู้ชี้แจงแทน
ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวเพียงว่า ในวันนี้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง มีการหยิบยกในประเด็นการขึ้นดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ มีปัญหาเล็กน้อย เพราะมีการเสนอชื่อขึ้นมาหลายคน โดยเชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะได้ข้อยุติ
ผู้สื่อข่าวรายว่า เดิมที พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ได้รับการเสนอชื่อให้ไปดำรงตำแหน่งผบช.น. ทว่า ที่ประชุมลงความเห็นว่า พล.ต.ท.ไถง ไม่เคยอยู่กองบัญชาการตำรวจนครบาลมาก่อน เกรงว่าจะมีแรงเสียดทานมาก จึงเห็นควรให้ไปดำรงตำแหน่ง ผบช.ก.ก่อน และให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก.มาดำรงตำแหน่ง ผบช.น.แทน ส่วน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ให้ไปดำรงตำแหน่งผบช.ภ.4 ตามโผเดิม
พล.ต.ต.วรพงษ์ สำเร็จรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต (ตร.) จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็น นรต.รุ่น 30 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผูช่วยผบ.ตร. จบปริญญาโท มหาบัณฑิตทางรัฐประศาสนศาสตร์ "เกียรตินิยมดี" จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าด้วย
ผ่านหลักสูตรต่างๆ อาทิ การบริหารพัสดุ ระดับบริหารของสำนักงบประมาณ, เสนาธิการทหารบก ชุดที่ 67 จาก ร.ร.เสนาธิการทหารบก, บริหารงานตำรวจชั้นสูง รุ่นที่ 15 และ วปอ.รุ่นที่ 45
หลังจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เมื่อปี 2520 อาสาไปเป็นผู้บังคับหมวด ตำรวจตระเวนชายแดน กก.ตชด. เขต 2 ไปรบกับ ผกค. ทั้งที่รุ่นนี้ได้เลือกลงนครบาลและภูธร โดยอยู่ ตชด.จนถึงปี 2525 ได้เป็นนายเวรผู้บังคับการ บก.อก.ตชด. และปี 2526 นายเวร ผบก.กองพลาธิการ ปี 2529 เป็นนายเวร พล.ต.ท.วิภาส วิปุลากร ผบช.ตชด.ในขณะนั้น ปี 2534 เป็นอาจารย์วิชาภาคปฏิบัติ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปี 2535 เป็น ผกก.3บก.อก สำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) ปี 2540 เป็น ผบก.อก.สกบ. ปี 2542 ผู้ช่วย ผบช.สกบ. และเป็นรอง ผบช.สกบ.ปี 2544 ปี 2547 โยกมาเป็นรอง ผบช.ก.และขอลงไปร่วมแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ 13 กันยายน 2547 ทำหน้าที่ หน.อก.ศปก.ตร.สน. (จว.ยะลา) และปฏิบัติหน้าที่ รองเลขาธิการ กอ.สสส.จชต. ตั้งแต่ 4 ตุลาคม 2547 ขึ้นเป็นผบช.ประจำตร. และผบช.ภ.7 จากนั้นโยกมาเป็นผบช.ก. จนปัจจุบัน
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผูสื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ภายหลังจากที่มีการถกเถียงในตำแหน่งสำคัญๆ หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.พยายามผลักดัน พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นนั่งในตำแหน่งรอง ผบ.ตร. แต่มีรอง ผบ.ตร.หลายคนไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้อง ควรให้ตำแหน่งนี้กับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โยกมานั่งในตำแหน่งนี้แทน เพราะมีคำสั่งอนุ ก.ตร.อุทธรณ์ฯ ให้ พล.ต.อ.วิเชียร ได้รับการแต่งตั้งเข้าตำแหน่งหลักในโอกาสแรกที่มีการแต่งตั้ง ทว่าเมื่อการประชุมดำเนินไปถึงเวลา 16.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานการประชุมได้สั่งให้พักการประชุมเป็นเวลา 45 นาที เนื่องจากในการประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองผบ.ตร.นั้น มีการถกเถียงกันระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนพล.ต.อ.วิเชียร กับฝ่ายที่สนับสนุนพล.ต.ท.วัชรพล อย่างหนักและเคร่งเครียด จนไม่สามารถหาข้อยุติได้
ต่อมาเมื่อเริ่มเข้าประชุมอีกครั้ง ปรากฏว่าการประชุมดำเนินไปได้เพียง 10 นาที ยังไม่ได้ข้อยุติว่า ก.ตร.จะเสนอใครเป็นผู้ขึ้นดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ทางนายสุเทพ ประธานการประชุม จึงสั่งให้ยุติการประชุม และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 13 ก.พ.นี้
หลังการประชุมล่ม นายสุเทพกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ในวันนี้มีวาระการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ไม่สามารถระบุรายชื่อเป็นตัวบุคคลได้ เนื่องจากมีหลายตำแหน่งจำไม่ได้ ซึ่งจะให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. เป็นผู้ชี้แจงแทน
ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวเพียงว่า ในวันนี้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง มีการหยิบยกในประเด็นการขึ้นดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ มีปัญหาเล็กน้อย เพราะมีการเสนอชื่อขึ้นมาหลายคน โดยเชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะได้ข้อยุติ
ผู้สื่อข่าวรายว่า เดิมที พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ได้รับการเสนอชื่อให้ไปดำรงตำแหน่งผบช.น. ทว่า ที่ประชุมลงความเห็นว่า พล.ต.ท.ไถง ไม่เคยอยู่กองบัญชาการตำรวจนครบาลมาก่อน เกรงว่าจะมีแรงเสียดทานมาก จึงเห็นควรให้ไปดำรงตำแหน่ง ผบช.ก.ก่อน และให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก.มาดำรงตำแหน่ง ผบช.น.แทน ส่วน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ให้ไปดำรงตำแหน่งผบช.ภ.4 ตามโผเดิม
พล.ต.ต.วรพงษ์ สำเร็จรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต (ตร.) จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็น นรต.รุ่น 30 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผูช่วยผบ.ตร. จบปริญญาโท มหาบัณฑิตทางรัฐประศาสนศาสตร์ "เกียรตินิยมดี" จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าด้วย
ผ่านหลักสูตรต่างๆ อาทิ การบริหารพัสดุ ระดับบริหารของสำนักงบประมาณ, เสนาธิการทหารบก ชุดที่ 67 จาก ร.ร.เสนาธิการทหารบก, บริหารงานตำรวจชั้นสูง รุ่นที่ 15 และ วปอ.รุ่นที่ 45
หลังจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เมื่อปี 2520 อาสาไปเป็นผู้บังคับหมวด ตำรวจตระเวนชายแดน กก.ตชด. เขต 2 ไปรบกับ ผกค. ทั้งที่รุ่นนี้ได้เลือกลงนครบาลและภูธร โดยอยู่ ตชด.จนถึงปี 2525 ได้เป็นนายเวรผู้บังคับการ บก.อก.ตชด. และปี 2526 นายเวร ผบก.กองพลาธิการ ปี 2529 เป็นนายเวร พล.ต.ท.วิภาส วิปุลากร ผบช.ตชด.ในขณะนั้น ปี 2534 เป็นอาจารย์วิชาภาคปฏิบัติ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปี 2535 เป็น ผกก.3บก.อก สำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) ปี 2540 เป็น ผบก.อก.สกบ. ปี 2542 ผู้ช่วย ผบช.สกบ. และเป็นรอง ผบช.สกบ.ปี 2544 ปี 2547 โยกมาเป็นรอง ผบช.ก.และขอลงไปร่วมแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ 13 กันยายน 2547 ทำหน้าที่ หน.อก.ศปก.ตร.สน. (จว.ยะลา) และปฏิบัติหน้าที่ รองเลขาธิการ กอ.สสส.จชต. ตั้งแต่ 4 ตุลาคม 2547 ขึ้นเป็นผบช.ประจำตร. และผบช.ภ.7 จากนั้นโยกมาเป็นผบช.ก. จนปัจจุบัน
