ตำรวจนครบาลจู่โจมเข้าตรวจค้นอุเทนถวาย และปทุมวัน พบระเบิดปิงปอง 5 ลูก มีด ปืนปากกา และกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง โดยอุเทนถวายประกาศหยุดเรียน 3 วัน ขณะที่ปทุมวัน นักศึกษาส่วนใหญ่รู้ล่วงหน้าตำรวจจะเข้าค้นจึงไม่มีใครมาเรียน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (29 ม.ค.) พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เสนาะ อ่อนศรี รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.อุดม เปี่ยมศักดิ์ รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.ณรงค์เดช มูลศาสตรสาทร รอง ผกก.ปป.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.บรรลือศักดิ์ แสงสว่าง สว.สส.สน.ปทุมวัน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 150 นาย สุนัขตำรวจ 2 ตัว เข้าตรวจค้นภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย แขวงและเขตปทุมวัน โดยมีนายมนูญ จิตรสำเริง หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมมหาวิทยาลัยฯ และ น.ส.ธัญนันท์ นาคแดง ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานฯ เป็นผู้นำเข้าตรวจค้น
เมื่อไปถึงทางมหาวิทยาลัย ได้ปิดประกาศให้เป็นวันหยุดตั้งแต่วันที่ 28-30 ม.ค. มีเพียงนักศึกษาไม่กี่คนนนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่บริเวณสนามฟุตบอล และใต้อาคารต่างๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็น 4 ชุด เข้าตรวจค้นที่อาคาร 2, 3, 4 และ 7 ของมหาวิทยาลัย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พบของกลางปลอกกระสุนขนาด .38 จำนวน 7 ปลอก หัวกระสุน 1 หัว ระเบิดปิงปอง 5 ลูก อาวุธมีดซึ่งส่วนใหญ่เป็นมีดปอกผลไม้ จำนวน 18 เล่ม ประทัดยักษ์ 1 ดอก แผ่นตะกั่วขนาด 5x5 ซม.จำนวน 3 แผ่น เศษขวดแก้วที่ถูกทุบจนละเอียดจำนวนหนึ่ง อุปกรณ์เล่นพนันน้ำเต้าปูปลา 1 ชุด เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้น พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.เดินทางกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ของกลางส่วนใหญ่พบอยู่ที่ห้องชั้น 2 ของอาคาร 2 ซึ่งเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ใช้เป็นอาคารกิจกรรมนักศึกษา และศิษย์เก่า ซึ่งห้องบางห้องได้มีการจัดไว้เพื่อเป็นห้องพักผ่อนสำหรับนักศึกษาที่ทำกิจกรรม มีล็อกเกอร์เก็บของ อุปกรณ์ทำครัว และยังมีขวดเหล้าเบียร์วางไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ตามล็อกเกอร์เก็บของดังกล่าวถูกล็อกด้วยแม่กุญแจ เจ้าหน้าที่ต้องใช้คีมตัดกุญแจออกก็พบระเบิดปิงปองซุกซ่อนไว้ตามล็อกเกอร์
นอกจากนี้ บริเวณผนังห้องพบสติกเกอร์แปะเป็นสัญลักษณ์เอาไว้ เมื่อแกะออกดูก็พบช่องอยู่ เมื่องัดออกมาก็พบปลอกกระสุนจำนวนดังกล่าว และบริเวณกระดานไวท์บอร์ดยังพบข้อความเขียวไว้ว่า “อย่าเป็นอุเทนที่ประมาท อาจถึง...”
ด้าน นายมนูญ จิตรสำเริง หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมมหาวิทยาลัยฯ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องขึ้นทางสถาบันได้ประกาศหยุด 3 วันตั้งแต่วันที่ 28-30 ม.ค.เพื่อให้นักศึกษาได้พักและเป็นการลดกระแสไปด้วย โดยจะเปิดเรียนอีกครั้งในวันที่ 2 ก.พ.52
ผู้สื่อข่าวรายด้วยว่า ทั้งนี้ในวันที่ 1 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันสถาปนาสถาบัน หรือวันบลูเดย์ ก็ยังมีการจัดงานวันสถาปนาสถาบันเช่นเดิม มีคอนเสิร์ตที่บริเวณกลางสนามกีฬา นอกจากนี้ ทางสถาบันยังได้ติดประกาศเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในการเดินทางมาเรียนและเดินทางกลับ เช่น ไม่ควรเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ และการแต่งกายไม่ควรแสดงตัวว่าเป็นนักศึกษาของสถาบัน
ทั้งนี้ ในเวลาเดียวกัน พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผบช.น. และพล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวน 150 นาย เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และสุนัขตำรวจ เข้าตรวจค้นสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวันโดย ผศ.อนุชาติ ศรีศิริวัฒน์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหาร เป็นผู้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ ในสถาบัน
จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนปากกา 1 กระบอก ลำกล้องปืนจำนวน 3 อัน มีด 1 เล่ม กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 2 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 2 ปลอก และท่อนเหล็กตัดปลายแหลมจำนวน 1 อัน โดยอาวุธส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ตรวจพบที่ล็อกเกอร์ภายในอาคารภาควิชาวิศวกรรมอุตสหการ
ผศ.อนุชาติ กล่าวว่า วันนี้ทางสถาบันไม่ได้แจ้งปิดเรียน แต่เนื่องจากผู้ปกครองและนักศึกษากลัวเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัย เพราะใกล้วันสถาปนาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ กลุ่มนักศึกษาก็จะพากันหยุดในช่วงนี้เป็นประจำอยู่แล้ว และจะมีเพียงนักศึกษาชั้นปีที่ 4 เท่านั้นที่เข้ามาเรียน เพราะต้องทำโปรเจคจบ
ผศ.อนุชาติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทางสถาบันจะตรวจอาวุธกับบรรดานักศึกษาเป็นประจำ และอาวุธส่วนใหญ่ที่พบก็จะเป็นอาวุธที่ดัดแปลงจากเครื่องไม้เครื่องมือในการเรียนเชิงปฏิบัติการ ซึ่งทางสถาบันจะดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนไปก่อน สำหรับวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งสองสถาบันได้เข้าพูดคุยกันโดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นตัวกลาง ก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี มีแนวทางที่ดีขึ้น ต่อไปน่าจะมีการพูดคุยปรับความเข้าใจกันให้มากกว่านี้
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า จากนี้ไปจะทำการประสานกับสถาบันทั้งสองเพื่อนัดพูดคุยหาแนวทางการป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้น โดยจะเชิญฝ่ายอาจารย์ทั้งสองสถาบันมาร่วมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ส่วนอาวุธที่ตรวจยึดได้ก็จะส่งให้ สน.ปทุมวัน ลงบันทึกประจำวันไว้ แต่คงไม่สามารถเอาผิดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ เนื่องจากอาวุธที่ตรวจพบได้เหล่านี้ไม่มีคนแสดงตัวเป็นเจ้าของ เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ในล็อกเกอร์ไม่มีชื่อ และไม่ได้ตรวจพบซึ่งหน้า