เต้นเป็นเจ้าเข้า ต้องรี่ไปประชุมที่ สน.พหลโยธิน เพื่อคลี่คลายคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนจ่อยิง นายพรพจน์ โสภาเจริญ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมโยธา สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย จนเสียชีวิตบริเวณหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ใกล้สี่แยกเกษตร เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เจ้าของรหัส “น.1” พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว หรือ “บิ๊กเบื๊อก” ผบช.น.พร้อมกับหนีบมือสืบสวนระดับเซียนไปด้วย 2 นาย ทั้ง พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หน.ศส.บช.น. และ พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงศ์สมาน รอง ผบก.น.2 ที่ต้องรับผิดชอบอยู่เต็มเหนี่ยว
สาเหตุที่ “บิ๊กเบื๊อก” ต้องถ่อสังขารไปที่ สน.พหลโยธิน เพื่อประชุมคลี่คลายคดีดังกล่าว ก็เพราะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งกำชับให้ดำเนินการจับกุมคนร้ายรายนี้ ซึ่งก่อเหตุอย่างอุกอาจให้ได้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ตั้งแต่ยุคที่ พล.ต.ท.สุชาติ มาดำรงตำแหน่งผบช.น.นั้น อยู่ระหว่างการรวมตัวชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อมีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองหลวง ตำรวจน้อยใหญ่ รวมทั้งตัว พล.ต.ท.สุชาติ ด้วยที่มักออกมาอ้างถึงเหตุผลว่า เป็นเพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทำให้ตำรวจต้องจัดกำลังไปคอยดูแลการชุมนุม คนร้ายจึงถือโอกาสช่วงปลอดตำรวจ ลงมือก่ออาชญากรรม
ปัจจุบันการชุมนุมต่างๆ ได้คลี่คลายไปหมดแล้ว แต่ทว่า สถิติคดีอาชญากรรม ทั้งลัก วิ่ง ชิง ปล้น และคดีที่ประสงค์ต่อชีวิต ยังไม่ได้ลดลง ซ้ำกลับเพิ่มสถิติมากขึ้น โดยสถิติเหล่านี้ผู้ที่ไม่อาจหนีความรับผิดชอบไปได้ ก็คือ “ตำรวจ” ที่มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามโดยตรง
เมื่อมองย้อนกลับไปในคดีของ นายพรพจน์ นักศึกษาอุเทนถวาย ที่ถูกยิงเสียชีวิตนั้น คนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามหลังเหยื่อ ไปจนถึงหน้าร้านสะดวกซื้อ แล้วจ่อยิงเข้าท้ายทอยต่อหน้าผู้คนจำนวนไม่น้อยจำนวนหลายนัด จากนั้นวิ่งย้อนกลับทางเดิมหลบหนีไป
เดิมทีคดีนี้เหมือนจะเป็นคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงธรรมดา แต่เมื่อภาพจากกล้องวงจรปิดถูกเผยแพร่ออกไป รวมทั้งนายกรัฐมนตรี สั่งกำชับตำรวจลงมา ทำให้ พล.ต.ท.สุชาติ ต้องไปประชุมคลี่คลายคดีที่ สน.พหลโยธิน ด้วยตนเอง แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่สั่งการ หรือปรารภขึ้น ป่านนี้คดีคงอยู่ในระบบของสายสืบโรงพัก ที่ดำเนินการตามปกติธรรมดาทั่วไป
เมื่อถูกจี้ต่อมขยันอย่างนี้ ทำให้ พล.ต.ท.สุชาติ ต้องออกมากำกับและแสดงเอง แถมตั้งเงินรางวัลถึงผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสคนร้ายจนนำไปสู่การจับกุมได้เป็นเงินถึง 100,000 บาท
สุดท้าย คดีนี้ ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ว่า ตำรวจเอาจริงเอาจังแค่ไหน แต่ขอเตือนไว้นิด ระวัง อย่าให้เกิดกรณี “จับแพะ” ซ้ำรอย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก วงการตำรวจจะได้ไม่แปดเปื้อนมลทินอีก !
สาเหตุที่ “บิ๊กเบื๊อก” ต้องถ่อสังขารไปที่ สน.พหลโยธิน เพื่อประชุมคลี่คลายคดีดังกล่าว ก็เพราะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งกำชับให้ดำเนินการจับกุมคนร้ายรายนี้ ซึ่งก่อเหตุอย่างอุกอาจให้ได้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ตั้งแต่ยุคที่ พล.ต.ท.สุชาติ มาดำรงตำแหน่งผบช.น.นั้น อยู่ระหว่างการรวมตัวชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อมีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองหลวง ตำรวจน้อยใหญ่ รวมทั้งตัว พล.ต.ท.สุชาติ ด้วยที่มักออกมาอ้างถึงเหตุผลว่า เป็นเพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทำให้ตำรวจต้องจัดกำลังไปคอยดูแลการชุมนุม คนร้ายจึงถือโอกาสช่วงปลอดตำรวจ ลงมือก่ออาชญากรรม
ปัจจุบันการชุมนุมต่างๆ ได้คลี่คลายไปหมดแล้ว แต่ทว่า สถิติคดีอาชญากรรม ทั้งลัก วิ่ง ชิง ปล้น และคดีที่ประสงค์ต่อชีวิต ยังไม่ได้ลดลง ซ้ำกลับเพิ่มสถิติมากขึ้น โดยสถิติเหล่านี้ผู้ที่ไม่อาจหนีความรับผิดชอบไปได้ ก็คือ “ตำรวจ” ที่มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามโดยตรง
เมื่อมองย้อนกลับไปในคดีของ นายพรพจน์ นักศึกษาอุเทนถวาย ที่ถูกยิงเสียชีวิตนั้น คนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามหลังเหยื่อ ไปจนถึงหน้าร้านสะดวกซื้อ แล้วจ่อยิงเข้าท้ายทอยต่อหน้าผู้คนจำนวนไม่น้อยจำนวนหลายนัด จากนั้นวิ่งย้อนกลับทางเดิมหลบหนีไป
เดิมทีคดีนี้เหมือนจะเป็นคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงธรรมดา แต่เมื่อภาพจากกล้องวงจรปิดถูกเผยแพร่ออกไป รวมทั้งนายกรัฐมนตรี สั่งกำชับตำรวจลงมา ทำให้ พล.ต.ท.สุชาติ ต้องไปประชุมคลี่คลายคดีที่ สน.พหลโยธิน ด้วยตนเอง แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่สั่งการ หรือปรารภขึ้น ป่านนี้คดีคงอยู่ในระบบของสายสืบโรงพัก ที่ดำเนินการตามปกติธรรมดาทั่วไป
เมื่อถูกจี้ต่อมขยันอย่างนี้ ทำให้ พล.ต.ท.สุชาติ ต้องออกมากำกับและแสดงเอง แถมตั้งเงินรางวัลถึงผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสคนร้ายจนนำไปสู่การจับกุมได้เป็นเงินถึง 100,000 บาท
สุดท้าย คดีนี้ ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ว่า ตำรวจเอาจริงเอาจังแค่ไหน แต่ขอเตือนไว้นิด ระวัง อย่าให้เกิดกรณี “จับแพะ” ซ้ำรอย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก วงการตำรวจจะได้ไม่แปดเปื้อนมลทินอีก !
