“เบลล์ ไชน่าดอล์” เข้าแจ้งความกองปราบปราม ถูกเพื่อนซี้ที่ร่วมหุ้นเปิดโรงเรียนสอนเต้นด้วยกัน ขโมยบัตรเครดิตแอบรูดเงินสูญเกือบ 7 แสน แถมที่ผ่านมาปลอมลายเซ็นเบิกเงินของบริษัทไปใช้ส่วนตัว ตำรวจเตรียมเรียกผู้ถูกกล่าวหา “จอย” ลูกช่างสักชื่อดังระดับนานาชาติมาให้สอบปากคำต่อไป
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น.น.ส.สุภัชญา ลัทธิโสภณกุล หรือ เบลล์ อายุ 28 ปี นักร้องดูโอสาวชื่อดังวง “ไชน่า ดอล์” พร้อมด้วย นายชัยณรงค์ ลัทธิโสภณกุล อายุ 56 ปี บิดาเดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก.เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.รุ่งวิภา หรือ จอย หว่อง บุตรสาว นายอิสระ แซ่วอง หรือที่รู้จักกันในวงการ TATTOO คือ Mr.จิมมี่ หว่อง ช่างสักชื่อดังระดับนานาชาติ เพื่อนสาวคนสนิท ซึ่งร่วมทำธุรกิจเปิดโรงเรียนสอนเต้นด้วยกัน หลังจากถูก น.ส.รุ่งวิภา ขโมยบัตรเครดิต รวม 3 ใบ ไปใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2549 รวมยอดค่าใช้จ่ายกว่า 6.5 แสนบาท โดยที่ตนไม่ทราบเรื่อง จากนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ยุทธพงศ์ ถวิลบุญ พนักงานสอบสวน บก.ป.สอบปากคำ น.ส.สุภัชญา ไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.สุภัชญา ให้การว่า ก่อนหน้านี้ ได้ร่วมหุ้นกับ จอย หลิว-มนัสวีร์ และ ญาญ่า ญิ๋ง เปิดโรงเรียนสอนเต้นด้วยกัน โดยที่ตนได้รับมอบอำนาจจากหุ้นส่วนให้เป็นผู้มีอำนาจจัดการเรื่องการบริหารเงินของโรงเรียน และได้เปิดบัญชีกลางของโรงเรียนเอาไว้ในชื่อของตนอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมา หากทางโรงเรียนจะมีการเบิกค่าใช้จ่ายจะต้องให้ตนเซ็นในใบเบิกเงิน แต่มาระยะ 5-6 เดือนหลัง พบว่า จอยได้ปลอมลายเซ็นของตนก่อนที่จะขโมยบัตรประชาชนของตนแล้วสั่งให้ลูกจ้างไปเบิกเงินในบัญชีออกมาให้ โดยที่ตนและลูกจ้างไม่ทราบเรื่อง จนช่วงหลังๆ พนักงานของร้านเริ่มเอะใจ เพราะทุกครั้งที่เบิกเงินมา จอยจะสั่งไม่ให้พนักงานผู้เบิกแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ตนทราบ จนกระทั่งมีคนโทรมาทวงหนี้ที่โรงเรียนบ่อยๆ พนักงานจึงแจ้งให้ตนจึงทราบเรื่องจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
“ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตนได้ทราบว่า มียอดหนี้บัตรเครดิตที่ใช้อยู่ 3 ใบ ประกอบด้วย KTC, UOB และ Quick Cash รวมเป็นเงินกว่า 6.5 แสนบาท ทั้งที่ไม่ได้ใช้บัตรเครดิตดังกล่าวแต่อย่างใด จากนั้นตนจึงสอบถามไปทางธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อขอรายละเอียด และได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ บก.ป.เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา ต่อมาจึงกลับไปขอรับบัญชีการใช้จ่ายบัตรเครดิต หรือสเตรตเมนต์จากธนาคารเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี” น.ส.สุภัชญา กล่าว
น.ส.สุภัชญา กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่มีผู้นำบัตรเครดิตของตนไปใช้นั้น ปกติตนจะเก็บบัตรไว้ในกระเป๋าสะพายตลอดเวลา แต่เนื่องจากตนกับจอยเป็นเพื่อนสนิทกัน จึงไม่ได้สงสัย และตนก็ไม่เคยใช้บัตรเครดิตดังกล่าว รวมถึงไม่เคยมีใบทวงหนี้ส่งมาถึงตน แต่พอเจ้าหน้าที่ธนาคารโทร.มาให้ไปชำระหนี้เป็นยอดรวมกว่า 6.5 แสนบาท เมื่อตรวจสอบก็ทราบว่า น.ส.รุ่งวิภา เป็นผู้ขโมยไปใช้โดยพลการ ส่วนใบแจ้งหนี้ก็ถูกส่งไปที่บ้านญาติของ น.ส.รุ่งวิภา ไม่ได้ส่งมาที่บ้านพักตนจึงไม่ทราบเรื่อง ส่วนในช่วงก่อนหน้านี้ที่ตนจะเบิกเงินมาใช้ทำธุรกิจโรงเรียนสอนเต้นร่วมกับ น.ส.รุ่งทิวา ทุกครั้งตนจะเป็นผู้เซ็นชื่อ แต่ภายหลัง น.ส.รุ่งทิวา ขโมยบัตรเครดิตไปใช้แล้วปลอมลายเซ็นไปเบิกเงินใช้ โดยที่ตนไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง
“เมื่อรู้ว่าจอยเป็นคนขโมยบัตรไปใช้ จึงโทรศัพท์ติดต่อ และพยายามพูดคุยกันเพื่อมาเจรจากันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นและให้มารับผิดชอบใช้หนี้บัตรเครดิต แต่ทางจอยก็ปฏิเสธ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก” น.ส.สุพิชญา กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ยุทธพงศ์ กล่าวว่า ได้สอบปากคำและรวบรวมหลักฐานต่างๆ โดยการกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดข้อหาลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารปลอม และข้อหาใช้บัตรเครดิตผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะได้เรียก น.ส.จอย มาให้ปากคำต่อไป
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น.น.ส.สุภัชญา ลัทธิโสภณกุล หรือ เบลล์ อายุ 28 ปี นักร้องดูโอสาวชื่อดังวง “ไชน่า ดอล์” พร้อมด้วย นายชัยณรงค์ ลัทธิโสภณกุล อายุ 56 ปี บิดาเดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก.เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.รุ่งวิภา หรือ จอย หว่อง บุตรสาว นายอิสระ แซ่วอง หรือที่รู้จักกันในวงการ TATTOO คือ Mr.จิมมี่ หว่อง ช่างสักชื่อดังระดับนานาชาติ เพื่อนสาวคนสนิท ซึ่งร่วมทำธุรกิจเปิดโรงเรียนสอนเต้นด้วยกัน หลังจากถูก น.ส.รุ่งวิภา ขโมยบัตรเครดิต รวม 3 ใบ ไปใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2549 รวมยอดค่าใช้จ่ายกว่า 6.5 แสนบาท โดยที่ตนไม่ทราบเรื่อง จากนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ยุทธพงศ์ ถวิลบุญ พนักงานสอบสวน บก.ป.สอบปากคำ น.ส.สุภัชญา ไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.สุภัชญา ให้การว่า ก่อนหน้านี้ ได้ร่วมหุ้นกับ จอย หลิว-มนัสวีร์ และ ญาญ่า ญิ๋ง เปิดโรงเรียนสอนเต้นด้วยกัน โดยที่ตนได้รับมอบอำนาจจากหุ้นส่วนให้เป็นผู้มีอำนาจจัดการเรื่องการบริหารเงินของโรงเรียน และได้เปิดบัญชีกลางของโรงเรียนเอาไว้ในชื่อของตนอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมา หากทางโรงเรียนจะมีการเบิกค่าใช้จ่ายจะต้องให้ตนเซ็นในใบเบิกเงิน แต่มาระยะ 5-6 เดือนหลัง พบว่า จอยได้ปลอมลายเซ็นของตนก่อนที่จะขโมยบัตรประชาชนของตนแล้วสั่งให้ลูกจ้างไปเบิกเงินในบัญชีออกมาให้ โดยที่ตนและลูกจ้างไม่ทราบเรื่อง จนช่วงหลังๆ พนักงานของร้านเริ่มเอะใจ เพราะทุกครั้งที่เบิกเงินมา จอยจะสั่งไม่ให้พนักงานผู้เบิกแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ตนทราบ จนกระทั่งมีคนโทรมาทวงหนี้ที่โรงเรียนบ่อยๆ พนักงานจึงแจ้งให้ตนจึงทราบเรื่องจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
“ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตนได้ทราบว่า มียอดหนี้บัตรเครดิตที่ใช้อยู่ 3 ใบ ประกอบด้วย KTC, UOB และ Quick Cash รวมเป็นเงินกว่า 6.5 แสนบาท ทั้งที่ไม่ได้ใช้บัตรเครดิตดังกล่าวแต่อย่างใด จากนั้นตนจึงสอบถามไปทางธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อขอรายละเอียด และได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ บก.ป.เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา ต่อมาจึงกลับไปขอรับบัญชีการใช้จ่ายบัตรเครดิต หรือสเตรตเมนต์จากธนาคารเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี” น.ส.สุภัชญา กล่าว
น.ส.สุภัชญา กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่มีผู้นำบัตรเครดิตของตนไปใช้นั้น ปกติตนจะเก็บบัตรไว้ในกระเป๋าสะพายตลอดเวลา แต่เนื่องจากตนกับจอยเป็นเพื่อนสนิทกัน จึงไม่ได้สงสัย และตนก็ไม่เคยใช้บัตรเครดิตดังกล่าว รวมถึงไม่เคยมีใบทวงหนี้ส่งมาถึงตน แต่พอเจ้าหน้าที่ธนาคารโทร.มาให้ไปชำระหนี้เป็นยอดรวมกว่า 6.5 แสนบาท เมื่อตรวจสอบก็ทราบว่า น.ส.รุ่งวิภา เป็นผู้ขโมยไปใช้โดยพลการ ส่วนใบแจ้งหนี้ก็ถูกส่งไปที่บ้านญาติของ น.ส.รุ่งวิภา ไม่ได้ส่งมาที่บ้านพักตนจึงไม่ทราบเรื่อง ส่วนในช่วงก่อนหน้านี้ที่ตนจะเบิกเงินมาใช้ทำธุรกิจโรงเรียนสอนเต้นร่วมกับ น.ส.รุ่งทิวา ทุกครั้งตนจะเป็นผู้เซ็นชื่อ แต่ภายหลัง น.ส.รุ่งทิวา ขโมยบัตรเครดิตไปใช้แล้วปลอมลายเซ็นไปเบิกเงินใช้ โดยที่ตนไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง
“เมื่อรู้ว่าจอยเป็นคนขโมยบัตรไปใช้ จึงโทรศัพท์ติดต่อ และพยายามพูดคุยกันเพื่อมาเจรจากันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นและให้มารับผิดชอบใช้หนี้บัตรเครดิต แต่ทางจอยก็ปฏิเสธ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก” น.ส.สุพิชญา กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ยุทธพงศ์ กล่าวว่า ได้สอบปากคำและรวบรวมหลักฐานต่างๆ โดยการกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดข้อหาลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารปลอม และข้อหาใช้บัตรเครดิตผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะได้เรียก น.ส.จอย มาให้ปากคำต่อไป
