“นครบาล” ประเมินสถานการณ์ “ม็อบ นปช.” วันรัฐบาลแถลงนโยบายจะมีจำนวนมาก จัดสาธิตควบคุมฝูงชน ยึดละมุนละม่อม มาแปลกยันไม่ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะกำกับดูแลควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุม เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุม ป้องกันมือที่ 3 เข้าแทรกแซงสถานการณ์ พร้อมซักซ้อมทำความเข้าใจในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลเพื่อรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติว่า (นปช.) ที่ประกาศชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านการแถลงนโยบายของว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลกองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.ตปพ.) ได้สาธิตการปฏิบัติการควบคุมฝูงชนกรณีที่มีเหตุรุนแรง ตามลำดับขั้นตอนแผนปฏิบัติพร้อมอุปกรณ์ โล่กำบัง กระบอง โดยปราศจากอาวุธเน้นความนุ่มนวลละมุนละม่อมมากที่สุด โดยขั้นตอนเริ่มจากการวางแนวปิดกั้นระหว่างผู้ชุมนุมกับแนว ตั้งแนวปิดถนน การนำผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ชุมนุม นำสิ่งกีดขวาง เช่น แผงเหล็ก ออกจากพื้นที่ชุมนุม จากนั้นจะใช้กำลังผลักดันผู้ชุมนุมออกโดยทั้งหมดใช้ความละมุนละม่อมมากที่สุด
พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวถึงการสาธิตและซักซ้อมครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังขาดความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจากหลาย สน.และหลายพื้นที่ โดยขาดความเข้าใจถึงวิธีการที่ต้องปฏิบัติ จึงต้องมีการประชุมเพื่อทบทวนหน้าที่ให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการประเมินด้านการข่าวเชื่อว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาชุมนุมเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวในวันที่รัฐบาลประกาศแถลงนโยบาย และเตรียมประสานกับทาง กทม.เพื่อขอใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำ หากมีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้น และขอยืนยันว่าจะไม่ใช้แก๊สน้ำตาในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมแน่นอน
“การปฏิบัติการครั้งนี้จะเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างละมุนละม่อมและนุ่มนวลมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่หากเกิดสถานการณ์รุนแรงจะใช้วิธีฉีดน้ำเพื่อผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมแทนการยิงแก๊สน้ำตา” รอง ผบช.น.กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับการปฎิบัติการสลายการชุมนุมของ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่นำโดย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี เป็นผู้บัญชาเหตุการณ์ ถือว่าเป็นการกระทำที่ยึด 2 มาตรฐาน โดยเห็นได้จากการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ตำรวจได้มีเจตนาเฆ่นฆ่าประชาชน ด้วยการยิงแก๊สน้ำตา ทำให้ประชาชนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้รับผิดชอบ ขณะที่ตำรวจที่ร่วมกระทำความผิดในครั้งนั้นยังคงปฎิบัติหน้าที่อยู่จนถึงวันนี้
นอกจากนั้น เมื่อกลุ่ม นปช.ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนันสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ตำรวจไม่สนใจที่จะปราบปราม โดยปล่อยให้สร้างพฤติกรรมอันป่าเถื่อน โดยเฉพาะวันที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตำรวจปล่อยให้กลุ่ม นปช.ทุบทำลายรถยนต์ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัติย์ รวมทั้ง ส.ส.ที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะกำกับดูแลควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุม เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุม ป้องกันมือที่ 3 เข้าแทรกแซงสถานการณ์ พร้อมซักซ้อมทำความเข้าใจในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลเพื่อรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติว่า (นปช.) ที่ประกาศชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านการแถลงนโยบายของว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลกองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.ตปพ.) ได้สาธิตการปฏิบัติการควบคุมฝูงชนกรณีที่มีเหตุรุนแรง ตามลำดับขั้นตอนแผนปฏิบัติพร้อมอุปกรณ์ โล่กำบัง กระบอง โดยปราศจากอาวุธเน้นความนุ่มนวลละมุนละม่อมมากที่สุด โดยขั้นตอนเริ่มจากการวางแนวปิดกั้นระหว่างผู้ชุมนุมกับแนว ตั้งแนวปิดถนน การนำผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ชุมนุม นำสิ่งกีดขวาง เช่น แผงเหล็ก ออกจากพื้นที่ชุมนุม จากนั้นจะใช้กำลังผลักดันผู้ชุมนุมออกโดยทั้งหมดใช้ความละมุนละม่อมมากที่สุด
พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวถึงการสาธิตและซักซ้อมครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังขาดความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจากหลาย สน.และหลายพื้นที่ โดยขาดความเข้าใจถึงวิธีการที่ต้องปฏิบัติ จึงต้องมีการประชุมเพื่อทบทวนหน้าที่ให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการประเมินด้านการข่าวเชื่อว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาชุมนุมเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวในวันที่รัฐบาลประกาศแถลงนโยบาย และเตรียมประสานกับทาง กทม.เพื่อขอใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำ หากมีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้น และขอยืนยันว่าจะไม่ใช้แก๊สน้ำตาในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมแน่นอน
“การปฏิบัติการครั้งนี้จะเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างละมุนละม่อมและนุ่มนวลมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่หากเกิดสถานการณ์รุนแรงจะใช้วิธีฉีดน้ำเพื่อผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมแทนการยิงแก๊สน้ำตา” รอง ผบช.น.กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับการปฎิบัติการสลายการชุมนุมของ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่นำโดย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี เป็นผู้บัญชาเหตุการณ์ ถือว่าเป็นการกระทำที่ยึด 2 มาตรฐาน โดยเห็นได้จากการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ตำรวจได้มีเจตนาเฆ่นฆ่าประชาชน ด้วยการยิงแก๊สน้ำตา ทำให้ประชาชนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้รับผิดชอบ ขณะที่ตำรวจที่ร่วมกระทำความผิดในครั้งนั้นยังคงปฎิบัติหน้าที่อยู่จนถึงวันนี้
นอกจากนั้น เมื่อกลุ่ม นปช.ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนันสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ตำรวจไม่สนใจที่จะปราบปราม โดยปล่อยให้สร้างพฤติกรรมอันป่าเถื่อน โดยเฉพาะวันที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตำรวจปล่อยให้กลุ่ม นปช.ทุบทำลายรถยนต์ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัติย์ รวมทั้ง ส.ส.ที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย