xs
xsm
sm
md
lg

“ไชยวัฒน์” ชี้ “สมชาย” ดิ้นเฮือกสุดท้ายช่วยกรุยทาง “แม้ว” ได้กลับไทย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


แกนนำพันธมิตรฯ ยังขึ้นปราศรัยต่อเนื่องบนเวทีเคลื่อนที่สนามบินสุวรรณภูมิท่ามกลางอากาศหนาวเย็น “ไชยวัฒน์” ชี้รัฐบาลสั่ง “สุชาติ-ฉลอง” เพื่อนแม้วคุมสถานการณ์ชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือว่าสั่งข้ามหัว “อนุพงษ์-พัชรวาท” เชื่อนายกรัฐมนตีคงถอดใจแล้ว แต่ที่ยังต้องดิ้นอยู่เพราะต้องทำทุกวิถีทางให้ “ทักษิณ” เหยียบแผ่นดินไทยให้ได้เท่านั้น

วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ภาวะฉุกเฉิน การชุมนุมเริ่มคึกคักขึ้นในเวลา 05.30 น. เมื่อนายสำราญ รอดเพชร พร้อมนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 เปิดการปราศรัยบนเวที ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น และลมกระโชกแรง ขณะที่ผู้ชุมนุมที่ยังคงปักหลักอยู่จำนวนหลายพันคน

ขณะเดียวกัน บริเวณโดยรอบเริ่มมีการสับเปลี่ยนกำลังการ์ดอาสาตามจุดสกัดต่างๆ ที่วางกำลังรักษาการณ์ไว้ เช่นเดียวกับบริเวณสถานีดับเพลิงสนามบินสุวรรณภูมิ ห่างจากตัวอาคารผู้โดยสารประมาณ 4 กม. สถานที่ตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้า บช.ภาค 1 มีการสับเปลี่ยนกำลังตำรวจปราบจราจลจำนวน 6 กองร้อย ส่วนบริเวณภายในอาคารผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในสังกัด บริษัท ล็อกซเล่ย์ เริ่มทยอยเก็บข้าวของออกจากสำนักงานเพื่อถอนกำลังออกจากสนามบิน คงเหลือเพียงทีมเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ปฏิบัติหน้าที่อยู่เท่านั้น นอกจากนั้นร้านค้า ร้านอาหาร สวัสดิการ ทอท. ทั้งหมดในพื้นที่สนาบินสุวรรณภูมิปิดให้บริการ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ ทอท.ที่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต้องพกข้าวกล่องมาจากบ้าน แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานในส่วนอื่นของอาคารที่ห่างไกลจากจุดชุมนุมก็ยังมีกาทำงานกันตามปกติ

ต่อมาเวลา 08.30 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หนึ่งในแกนนำแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า การที่รัฐบาลสั่งการให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และพ.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภาค 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สนามบินกรุงเทพ ดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือเป็นการสั่งการข้ามหัว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพราะคิดว่าหากคำสั่งไปถึง พล.ต.อ.พัชรวาท จะต้องเข้าพูดคุยปรึกษากับ พล.อ.อนุพงษ์ เพราะสนิทคุ้นเคยกัน รวมถึงทั้งผบ.ตร. และผบ.ทบ.มีแนวโน้มว่าจะไม่ทำตามคำสั่งของรัฐบาล เนื่องจากทั้งคู่ยังไม่แสดงท่าทีอะไรชัดเจนให้สังคมรับรู้ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน โดยเฉพาะพล.ต.อ.พัชรวาท ที่เคยบอกไว้หลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่าพอแล้ว ไม่เอาด้วยแล้ว จึงเป็นไปได้ว่าจะไม่ยอมเข้าร่วมในเหตุการณ์ที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ

นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลที่รับทราบมารัฐบาลเตรียมจัดการกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ายึดสนามบินดอนเมือง โดยให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คุมกำลังหน่วยอรินทราชจำนวน 700 นาย เข้ายึดสนามบินดอนเมืองกลับคืน แต่ไม่สามารถเข้าได้ เพราะทหารอากาศขวางไว้ เนื่องจากตามกฎหมาย ทหารอากาศมีอำนาจในพื้นที่สนามบินดอนเมืองทุกตารางนิ้วไม่ใช่ตำรวจ

“วันนั้นมีนายทหารอากาศคนหนึ่งเขาไปพูดกับ พล.ต.อ.โกวิท ว่าบ้านของ พล.ต.อ.โกวิทมีเนื้อที่ถึง 2 ไร่ หากมีอะไรไปตกที่บ้านจะไม่ส่งผลเดือดร้อนต่อเพื่อนบ้านข้างเคียง ทำให้ พล.ต.อ.โกวิท จำต้องยอมถอยในที่สุด” แกนนำร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าว

นายไชยวัฒน์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า ต้องรีบกลับมาปกครองประเทศไทยโดยเร็ว เพราะขณะนี้คนที่เป็นรากหญ้ากำลังเดือดร้อนหนักจากพิษเศรษฐกิจ ว่าขอให้นักธุรกิจและคนชนชั้นกลางรับรู้ไว้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณให้ความสำคัญแต่คนรากหญ้าเท่านั้น เพื่อใช้เป็นฐานกำลังในการกลับเข้าประเทศ โดยไม่สนใจคนกลุ่มอื่น รวมถึงเชื่อว่าขณะนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ คงถอดใจแล้ว แต่ที่ยังต้องดิ้นอยู่เพราะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยให้ได้เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสถานีรถยนต์โดยสารภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ก่อนหน้านี้รถโดยสารประจำทาง ขสมก. และบขส.งดให้บริการตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. มีเพียงรถตู้โดยสารสาธารณะเท่านั้นที่ให้บริการ แต่ในวันนี้รถตู้โดยสาร รถขนส่งมวลชนสาธารณะชนิดเดียวที่เหลืออยู่ ประกาศว่า ทอท.สั่งให้ยุติการให้บริการโดยไม่มีกำหนด ทำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งออกเวรต้องตกค้างอยู่บริเวณสถานีรถโดยสารจำนวนหนึ่งเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้

ส่วนคณะผู้แสวงบุญชาวไทย-มุสลิมที่ตกค้างอยู่ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.ประมาณ 450 คน เริ่มหวั่นวิตกว่าความหวังที่จะได้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ลดน้อยลงไปทุกที หลายคนที่เป็นผู้สูงอายุนั่งน้ำตาคลอ บางคนทนความหนาวเย็นภายในอาคารไม่ไหวก็ออกไปนั่งตากแดดที่บริเวณจุดจอดรถเวียนภายในสนามบิน และได้กล่าวว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับการประท้วง เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงไม่คิดให้ความช่วยเหลือส่งพวกเขาไปขึ้นเครื่องบิน ทั้งที่คนในคณะเกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ
กำลังโหลดความคิดเห็น