ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง แกนนำพันธมิตรฯ “เอเอสทีวี” แถลงการณ์แฉ “ผีทักษิณ” หนีอาญาแผ่นดิน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ศาลชี้เป็นการตรวจสอบและติชมโดยสุจริต
วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์นัดฟังคำสั่งคดีดำหมายเลขที่ อ.1923/2551 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดย นายวินิจ ปิณฑวนิช ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, พลตรีจำลอง ศรีเมือง, นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำและผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 90, 91, 86 กรณีร่วมกันออกแถลงการณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี เผยแพร่ไปทั่วประเทศทำนองว่าโจทก์หลบหนีอาญาแผ่นดิน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เป็นผี และรัฐบาลในขณะนั้นมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อมุ่งหวังช่วยเหลือทางคดีให้โจทก์เดินทางกลับประเทศไทย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ก.พ.51 ที่ผ่านมา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ขณะจำเลยที่ 1-6 ร่วมจัดทำแถลงการณ์พิพาท โจทก์จะยังไม่ถูกดำเนินคดีทางอาญา หรือแม้ต่อมาเมื่อถูกฟ้องอาญา ศาลจะพิพากษาว่าไม่ผิดในทางอาญา แต่เรื่องแสดงในตัวว่ามีเหตุให้น่าสงสัย อันสมควรมีมูลอันควรเชื่อ และมีมูลความจริง ถึงพฤติการณ์ขณะที่โจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการนโยบายไปในทางผิดวิสัยไม่โปร่งใส จำเลยที่ 1-6 ในฐานประชาชนที่ประกาศชื่อว่าเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันทำแถลงการณ์พิพาท วิจารณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ได้ แต่เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และประชาชนส่วนรวมเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือส่วนได้ส่วนเสียตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรม
ที่ว่าโจทก์เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เป็นผี จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ต้องถือตามความรู้สึกของคนธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือความรู้สึกของของโจทก์ที่อ้างว่าเสียหาย ข้อความที่เรื่องจะแสดงให้เห็นหนัก เบา และความหมายอันเท็จจริง แม้เป็นการใช้ถ้อยคำเกินเลยบ้าง ย่อมถือได้ว่าเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต ยังอยู่ในความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 อนุ 1 และ 3 จึงฟังไม่ได้ว่าพวกจำเลย มีเจตนากลั่นแกล้งใส่ร้าย ใส่ความโจทก์ คดีจึงไม่มีมูลตามฟ้อง
ทั้งนี้ ในตอนท้ายศาลได้ระบุด้วยว่า บุคคลมาศาลต้องมาด้วยมือสะอาด วิธีแถลงปัญหาข้อขัดแย้งทางการเมืองไม่ว่าฝ่ายใด เพื่อหวังผลเอาอำนาจศาลยุติธรรมไปใช้ให้มีผลให้ได้รับชัยชนะกันในทางการเมือง ไม่ได้ก่อเกิดผลดีต่อประเทศชาติ