ตำรวจสอบพยานเห็นเหตุการณ์คนร้ายแอบฉกเครื่องเพชรนักธุรกิจสาวใหญ่มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท สเกตช์ภาพคนร้าย พยานระบุคุ้นหน้าน่ารู้จักผู้เสียหาย เร่งตรวจกล้องวงจรปิดรอบจุกเกิดเหตุ
วันนี้ (20 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.สุริยะ แถมจอหอ สว.สส.สน.ร่มเกล้า กล่าวเปิดเผยถึงกรณีที่มีคนร้ายเป็นชายและหญิง รวม 2 คน แอบฉกเครื่องเพชรมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ที่วางอยู่ภายในรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศว-5701 กทม. ของนางราตรี ตังติสานนท์ อายุ 44 ปี นักธุรกิจรับซื้อขายเครื่องเพชร และขายส่งนมผงทารกยี่ห้อดัง ขณะกำลังจอดขนนมผงส่งให้ร้านเภสัชระเด่น ปากซอยเคหะร่มเกล้า 12 ย่านร่มเกล้า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (19 พ.ย.) ว่าหลังสอบปากคำนางราตรีเพิ่มเติมทราบว่าเครื่องเพชรดังกล่าวเป็นเครื่องประดับที่มีไว้สวมใส่ส่วนตัว และบางครั้งก็จะนำไปขายบ้าง ส่วนคนร้ายตนไม่ได้สังเกตเลยว่าติดตามมาหรือเปล่า
พ.ต.ท.สุริยะ กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายสมหมาย ศรีเอม อายุ 36 ปี วินจักรยานยนต์เคหะทองคำ 2 เบอร์ 5 ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ไปทำการสเกตช์ภาพหน้าคนร้าย โดยตนคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่เพราะนายสมหมายรู้สึกคุ้นเคยกับหน้าตาคนพอสมควร และเชื่อว่าน่าจะติดตามผู้เสียหายมาตั้งแต่ออกจากบ้าน ซึ่งจากการสอบปากคำพยานแวดล้อมทราบว่าไม่มีใครจำหมายเลขทะเบียนคนร้ายได้ เพราะไม่คิดว่าทั้ง 2 คนจะเป็นคนร้ายและอาจจะรู้จักกับผู้เสียหายจึงไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งผู้เสียหายเริ่มหากระเป๋าจึงมั่นใจว่าทั้ง 2 คนเป็นคนร้ายอย่างแน่นอนจึงเดินไปบอกกับผู้เสียหายให้ทราบ
“ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดภายในร้านขายยานั้น จากการตรวจสอบแล้วพบว่ามีแต่ไม่ได้เปิดใช้งานเพราะเป็นกล้องรุ่นเก่า ต้องใช้เทปและทางร้านก็หาซื้อยากจึงไม่ได้ใช้งาน สำหรับกล้องวงจรปิดที่ร้านทองฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุนั้นก็ไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้ เพาะมุมกล้องส่องมาไม่ถึง หลังจากนี้จะได้เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พ.ต.ท.สุริยะ กล่าว
วันนี้ (20 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.สุริยะ แถมจอหอ สว.สส.สน.ร่มเกล้า กล่าวเปิดเผยถึงกรณีที่มีคนร้ายเป็นชายและหญิง รวม 2 คน แอบฉกเครื่องเพชรมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ที่วางอยู่ภายในรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศว-5701 กทม. ของนางราตรี ตังติสานนท์ อายุ 44 ปี นักธุรกิจรับซื้อขายเครื่องเพชร และขายส่งนมผงทารกยี่ห้อดัง ขณะกำลังจอดขนนมผงส่งให้ร้านเภสัชระเด่น ปากซอยเคหะร่มเกล้า 12 ย่านร่มเกล้า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (19 พ.ย.) ว่าหลังสอบปากคำนางราตรีเพิ่มเติมทราบว่าเครื่องเพชรดังกล่าวเป็นเครื่องประดับที่มีไว้สวมใส่ส่วนตัว และบางครั้งก็จะนำไปขายบ้าง ส่วนคนร้ายตนไม่ได้สังเกตเลยว่าติดตามมาหรือเปล่า
พ.ต.ท.สุริยะ กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายสมหมาย ศรีเอม อายุ 36 ปี วินจักรยานยนต์เคหะทองคำ 2 เบอร์ 5 ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ไปทำการสเกตช์ภาพหน้าคนร้าย โดยตนคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่เพราะนายสมหมายรู้สึกคุ้นเคยกับหน้าตาคนพอสมควร และเชื่อว่าน่าจะติดตามผู้เสียหายมาตั้งแต่ออกจากบ้าน ซึ่งจากการสอบปากคำพยานแวดล้อมทราบว่าไม่มีใครจำหมายเลขทะเบียนคนร้ายได้ เพราะไม่คิดว่าทั้ง 2 คนจะเป็นคนร้ายและอาจจะรู้จักกับผู้เสียหายจึงไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งผู้เสียหายเริ่มหากระเป๋าจึงมั่นใจว่าทั้ง 2 คนเป็นคนร้ายอย่างแน่นอนจึงเดินไปบอกกับผู้เสียหายให้ทราบ
“ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดภายในร้านขายยานั้น จากการตรวจสอบแล้วพบว่ามีแต่ไม่ได้เปิดใช้งานเพราะเป็นกล้องรุ่นเก่า ต้องใช้เทปและทางร้านก็หาซื้อยากจึงไม่ได้ใช้งาน สำหรับกล้องวงจรปิดที่ร้านทองฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุนั้นก็ไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้ เพาะมุมกล้องส่องมาไม่ถึง หลังจากนี้จะได้เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พ.ต.ท.สุริยะ กล่าว