ทนายความ “ทักษิณ” เผย พรุ่งนี้ (18 พ.ย.) จะได้ความชัดเจนจะยื่นอุทธรณ์คดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯหรือไม่ ยอมรับที่ผ่านมาได้ติดต่อกับนายใหญ่ผ่านผู้ประสานงานต่อเนื่อง แต่ “ทักษิณ” ยังไม่สั่งการใดมายังทีมทนาย บอก ได้จัดเตรียมเอกสารไว้พร้อมทุกเมื่อหากได้รับคำสั่งให้จัดการ
วันนี้ (17 พ.ย.) นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีที่ดินย่านรัชดาภิเษก กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นอุทธรณ์คดี ว่า วันที่ 18 พ.ย.จะมีความชัดเจนในการยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากใกล้จะครบ 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้ติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านผู้ประสานงานอย่างต่อเนื่อง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้สั่งการใดๆ มายังทีมทนายความ ส่วนเอกสารการยื่นอุทธรณ์คดีนั้น ทีมทนายความได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้วและสามารถดำเนินการได้ทันที
ส่วนการจัดเตรียมเอกสารเพื่อขอลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายคำนวณ กล่าวว่า ตนดูแลแค่คดีที่ดินรัชดาฯ เท่านั้น ส่วนคดีอื่นๆ ตนไม่ทราบเรื่อง จึงไม่สามารถให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ (21 ต.ค.) เวลา 14.00 น.องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษา ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก จำนวน 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาท ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีและเป็นเจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 ม.4, 100 และ 122 ประมวลกฎหมายอาญา ม.33, 83, 86, 91, 152 และ 157 ขอให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยศาลได้พิพากษา ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชนแต่จำเลยที่ 1 กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายทั้งที่จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงามตามจริยธรรมของนักการเมืองให้เหมาะสมกับที่ได้รับการไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่อันสำคัญยิ่ง จึงไม่สมควรรอการลงโทษ และพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100(1) วรรคสาม และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นและคำขออื่น นอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2