“ระวัง! จะไม่มีแผ่นดินอยู่...”ดูเหมือนวลีประโยคนี้จะหลุดออกมาจากปากนักการเมืองรุ่นใหญ่ ที่เคยเตือนสติ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันมีฐานะเท่ากับ“นช. = นักโทษชาย” ที่ต้องโทษจำคุก หนีคดีหัวซุกหัวซุน จากบ้านเกิดเมืองนอน ตะลอนไปตามประเทศนั้น ประเทศนี้ ไม่ต่างจากสัมภเวสีล่องลอยไปตามอากาศธาตุฉันใดฉันนั้น และสุดท้าย วลีประโยคที่ว่า “ระวัง! จะไม่มีแผ่นดินอยู่”ก็ให้สัมฤทธิ์ผล เมื่อสหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ สั่งยกเลิกวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถามว่าเหตุใด นักการเมืองอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นราวกับพระเจ้าที่ลงมาโปรดบรรดารากหญ้า เมื่อสี่ซ้าห้าปีก่อน จึงต้องประสพพบเจอวิบากกรรมเช่นนี้ คงต้องตอบว่า เพราะผลแห่งการกระทำ ซึ่งหากเป็นการกระทำที่ดีแล้ว คงไม่ต้องพลัดบ้าน จากเมือง อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และแม้จะต้องพลัดบ้านพลัดเมืองไปแดนไกล แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็หาสำนึกไม่ ซ้ำยังกลับกล่าวกระแนะกระแหนศาลสถิตย์ยุติธรรม ซึ่งพิจารณาอรรถคดีภายใต้พระปรมาภิไธยด้วยว่า ถูก"ขบวนการยุติความเป็นธรรม"เล่นงาน
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ใน “วารสารศาลยุติธรรมปริทัศน์” ตอนหนึ่งระบุไว้ว่า “ลักษณะพิเศษของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ เป็นศาลสูงสุดที่มีเพียงศาลเดียว ทำให้การพิจารณาคดีรวดเร็ว การพิจารณาคดีใช้ระบบไต่สวน แตกต่างจากระบบกล่าวหา และการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปโดยเปิดเผย ศาลจะบันทึกการพิจารณาคดีโดยใช้เครื่องบันทึกเสียง และเครื่องบันทึกภาพและเสียงทุกคดี นอกจากนี้ ศาลจะบันทึกรายงานกระบวนพิจารณารวมไว้ในสำนวนด้วย คู่ความสามารถขอคัดคำเบิกความพยาน และรายงานกระบวนการพิจารณาของศาลได้”
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว “ขบวนการยุติความเป็นธรรม”ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะให้หมายความว่าอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ หลบหนีออกนอกประเทศ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา นั่นย่อมหมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้อยู่แก่ใจแล้วว่า คำพิพากษาของศาลจะออกมาเป็นเช่นใด เพราะตัวเองเป็นผู้กระทำและย่อมต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ดังนั้น ในวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่มีแผ่นดินอยู่ !
หันกลับมามองด้านตำรวจกันบ้าง หลังจากเหตุการณ์นองเลือด 7 ตุลา ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยนายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ มีบทสรุปออกมาแล้วว่า รัฐบาลและตำรวจกระทำผิดกฏหมายสิทธิมนุษยชน ในเหตุการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. แต่จนบัดนี้ ทั้งรัฐบาล และตำรวจ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ออกมา
บรรดาผู้คนในบ้านเมืองต่างบริภาษก่นด่าถึงการกระทำของตำรวจ แต่ตำรวจเองก็อ้างว่า องค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำ แต่เหตุไฉนไม่มองดูตัวเองเล่าว่า เพราะเหตุใด ต้นทุนทางสังคมของตำรวจจึงต่ำ มิใช่การกระทำของตัวเองหรอกหรือ
ผลกรรมของการทำร้ายประชาชนจะสัมฤทธิผลในวันใด วันนั้นพวกคุณก็คงไม่มีแผ่นดินจะอยู่เฉกเช่นเดียวกัน อย่างน้อยๆ แม้จะไม่ต้องระเห็ดระเหิรออกนอกประเทศ แต่พวกคุณก็คงจะไม่ได้สวมหมวกที่มี“ตราแผ่นดิน” อยู่บนหัวอีกต่อไป
ถามว่าเหตุใด นักการเมืองอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นราวกับพระเจ้าที่ลงมาโปรดบรรดารากหญ้า เมื่อสี่ซ้าห้าปีก่อน จึงต้องประสพพบเจอวิบากกรรมเช่นนี้ คงต้องตอบว่า เพราะผลแห่งการกระทำ ซึ่งหากเป็นการกระทำที่ดีแล้ว คงไม่ต้องพลัดบ้าน จากเมือง อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และแม้จะต้องพลัดบ้านพลัดเมืองไปแดนไกล แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็หาสำนึกไม่ ซ้ำยังกลับกล่าวกระแนะกระแหนศาลสถิตย์ยุติธรรม ซึ่งพิจารณาอรรถคดีภายใต้พระปรมาภิไธยด้วยว่า ถูก"ขบวนการยุติความเป็นธรรม"เล่นงาน
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ใน “วารสารศาลยุติธรรมปริทัศน์” ตอนหนึ่งระบุไว้ว่า “ลักษณะพิเศษของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ เป็นศาลสูงสุดที่มีเพียงศาลเดียว ทำให้การพิจารณาคดีรวดเร็ว การพิจารณาคดีใช้ระบบไต่สวน แตกต่างจากระบบกล่าวหา และการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปโดยเปิดเผย ศาลจะบันทึกการพิจารณาคดีโดยใช้เครื่องบันทึกเสียง และเครื่องบันทึกภาพและเสียงทุกคดี นอกจากนี้ ศาลจะบันทึกรายงานกระบวนพิจารณารวมไว้ในสำนวนด้วย คู่ความสามารถขอคัดคำเบิกความพยาน และรายงานกระบวนการพิจารณาของศาลได้”
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว “ขบวนการยุติความเป็นธรรม”ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะให้หมายความว่าอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ หลบหนีออกนอกประเทศ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา นั่นย่อมหมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้อยู่แก่ใจแล้วว่า คำพิพากษาของศาลจะออกมาเป็นเช่นใด เพราะตัวเองเป็นผู้กระทำและย่อมต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ดังนั้น ในวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่มีแผ่นดินอยู่ !
หันกลับมามองด้านตำรวจกันบ้าง หลังจากเหตุการณ์นองเลือด 7 ตุลา ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยนายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ มีบทสรุปออกมาแล้วว่า รัฐบาลและตำรวจกระทำผิดกฏหมายสิทธิมนุษยชน ในเหตุการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. แต่จนบัดนี้ ทั้งรัฐบาล และตำรวจ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ออกมา
บรรดาผู้คนในบ้านเมืองต่างบริภาษก่นด่าถึงการกระทำของตำรวจ แต่ตำรวจเองก็อ้างว่า องค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำ แต่เหตุไฉนไม่มองดูตัวเองเล่าว่า เพราะเหตุใด ต้นทุนทางสังคมของตำรวจจึงต่ำ มิใช่การกระทำของตัวเองหรอกหรือ
ผลกรรมของการทำร้ายประชาชนจะสัมฤทธิผลในวันใด วันนั้นพวกคุณก็คงไม่มีแผ่นดินจะอยู่เฉกเช่นเดียวกัน อย่างน้อยๆ แม้จะไม่ต้องระเห็ดระเหิรออกนอกประเทศ แต่พวกคุณก็คงจะไม่ได้สวมหมวกที่มี“ตราแผ่นดิน” อยู่บนหัวอีกต่อไป