ตำรวจชั้นผู้น้อย ตัดพ้อชีวิตหลังเหตุนองเลือด ถูกสังคมประณาม จำใจยิงใส่ประชาชนเพียงเพราะผู้บังคับบัญชาหน้ามืดตามัวหวังยศตำแหน่งรับใช้การเมืองสั่ง! เสียขวัญกำลังใจจนไม่กล้าแต่งเครื่องแบบกลับบ้าน หลายนายเตรียมปูทางย้ายสังกัด
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวนที่ทำหน้าที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ประสงค์ออกนาม ได้กล่าวภายหลังเกิดเหตุตำรวจสลายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณด้านหน้ารัฐสภา และข้างกองบัญชาการตำรวจนครบาลทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บจำนวนมากว่า หลังเกิดเรื่องตำรวจกลายเป็นจำเลยของสังคม ทำให้ถูกสังคมพิพากษาว่าเป็นคนเลวเข่นฆ่าประชาชน โดยเฉพาะตำรวจชั้นผู้น้อยที่เป็นผู้ปฏิบัติ โดยเฉพาะเรื่องที่แพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ ไม่รับรักษาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ
นายตำรวจคนดังกล่าว กล่าวต่อว่า ผู้บังคับบัญชาเป็นคนลงมือสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่สลายม็อบ เป็นเหตุให้มีคนเจ็บและเสียชีวิต แต่ตำรวจจราจรที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กลับถูกกลุ่มผู้ชุมนุมที่โกรธแค้นรุมทำร้ายบริเวณหน้าวังสวนจิตรลดา ตนเห็นภาพนั้นแล้วสลดใจ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่คนอื่นยังถูกเกลียดชังโดยไม่เลือกว่าเป็นตำรวจหน่วยไหน ที่ผ่านมาตนเห็นเพื่อนตำรวจด้วยกันต่างบ่นว่าเครียดไม่ต่างกับการปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดภาคใต้ นอกจากนี้เมื่อออกเวรจะเดินทางกลับบ้านก็ไม่กล้าแต่งเครื่องแบบ หรือติดสัญลักษณ์เกี่ยวกับตำรวจเพราะกลัวจะถูกทำร้าย เนื่องจากขณะนี้โดนเหมารวมหมดว่าเป็นตำรวจแล้วต้องเลวทุกคน
“ผมอยากขอความเห็นใจว่า ตำรวจก็คือคน มีเลือดเนื้อมีหัวใจและมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ ผมก็เสียใจต่อเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้น หากจะโทษก็ต้องโทษผู้บังคับบัญชาที่รับใช้นักการเมืองจนหน้ามืด เพื่อแลกกับยศตำแหน่ง โดยตำรวจชั้นผู้น้อยไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแถมยังถูกประณามหยามเหยียดว่าเข่นฆ่าประชาชนอีก อย่างไรก็ตาม ผมรู้ข่าวมาว่าเพื่อนตำรวจหลายคนได้ย้ายไปรับราชการกระทรวงยุติธรรมแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นตำรวจเหนื่อยมากไม่มีเวลาให้ครอบครัวแถมเงินเดือนก็น้อย ซึ่งตอนนี้ผมกำลังศึกษาต่อปริญญาโทเพื่อย้ายไปอยู่สายงานอื่น” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนเดิมกล่าว