“แมน อรรถชาติ” ดาวร้าย “หมวยอินเตอร์” โร่แจ้งความ ถูก “แบงค์” วงแคลช เจ้าของร้าน “CLANK” พร้อมพวกรุมตื๊บน่วม หน้าตาปูดบวม เหตุไม่พอใจเพราะสาวในกลุ่มดาราหนุ่มฉีดสีสเปรย์รูปหัวใจใส่ผนังร้าน
วันนี้ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 05.30 น. นายอรรถชาติ ศรีภักดี หรือแมน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 295 หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นดาราประกอบละคร เรื่อง "หมวยอินเตอร์" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี และเป็นวีเจคลื่น 99.5 แอดวานซ์ เรดิโอ เดินทางเขาแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ไมตรี กองสุข ร้อยเวร สน.ประเวศ ว่าถูกแบงค์ วงแคลช พร้อมกลุ่มเพื่อนรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
นายอรรถชาติ ให้การว่า หลังเลิกงานจากการจัดรายการวิทยุที่ตึกชิโนบิส ย่านดินแดง ตนพร้อมกับเพื่อนในบริษัท แกรมมี่ ประมาณ 10 คน ทั้งชายและหญิงได้มาเที่ยวดื่มกินกันที่ร้าน “CLANK” ซึ่งเป็นร้านของแบงค์ วงแคลช ภายในซอยบึงวาปี หลังห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ แขวงและเขตประเวศ กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดให้บริการทางร้านจึงเปิดไฟภายในทั้งหมด
นายอรรถชาติ กล่าวต่อว่า หลังจากเปิดไฟพบว่าบริเวณฝาผนังใกล้กับที่พวกตนนั่งกันนั้นมีคนเอาสีสเปรย์สีชมพูมาพ่นที่ฝาผนังเป็นรูปหัวใจ ต่อมาแบงค์ก็เดินมาถามด้วยความฉุนเฉียวว่าใครเป็นคนพ่นสีบนฝาผนัง โดยมีน้องผู้หญิงชื่อปุ๊ก เป็นครีเอทีฟรายการโอไอซี ทางช่อง 5 ที่มากับกลุ่มของตนยอมรับว่าเป็นคนพ่นสีใส่ฝาผนังเองและจะรับผิดชอบ ระหว่างนั้นแบงค์ซึ่งอยู่ในอาการไม่พอใจและใช้แก้วขว้างมาที่โต๊ะ ตนจึงบอกว่าน้องเขารับผิดชอบแล้วทำไมต้องทำแบบนี้
นายอรรถชาติ กล่าวอีกว่า โดยที่ไม่ทันได้พูดอะไรต่อกลุ่มเพื่อนของแบงค์ได้เข้ามาชกตนเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้ง และเกิดการชุลมุนขึ้นสักครู่ ที่สุดก็สามารถพูดคุยตกลงกับแบงค์ได้ แบงค์ก็เดินมาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ระหว่างที่ตนและกลุ่มเพื่อนกำลังจะกลับบ้านกลับถูกกลุ่มของนายแบงค์เข้ามารุมกระทืบอีกครั้งทำให้บริเวณใบหน้าโหนกแก้มเป็นแผลเขียวช้ำ
“ตอนนี้รู้สึกปวดศีรษะทั้งสองข้าง และเจ็บใบหน้า ตอนแรกไม่คิดว่าจะเอาเรื่องจะกลับบ้าน แต่เมื่อส่องกระจกดูเห็นใบหน้าบวมช้ำมากจึงเข้าแจ้งความที่ สน.ประเวศ และจะไปให้แพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพตรวจร่างกายอีกครั้ง ซึ่งวันนี้เวลา 14.00 น. ต้องไปอัดรายการ เชฟมือทอง ทางช่อง 5 คิดว่าคงไปไม่ได้แน่นอนเพราะหน้าตายังบวม” นายอรรถชาติ กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.ไมตรี กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และจะเรียกตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ