“พัชรวาท” ห้ามลูกน้องโชว์ออฟ เน้นต้องไม่ทำเพื่อตัวเอง!

“พัชรวาท” มอบโอวาท 72 นายพลใหม่ ให้ยึดมั่นพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นหลักในการทำงาน ให้นึกถึงตัวเองน้อยลง มุ่งทำงานเพื่อองค์กร ช่วยกันดูแลสถาบันกษัตริย์ ห้ามโชว์เดี่ยวต้องเสียสละนึกถึงส่วนรวมเป็นหลัก ต้องกล้าหาญสู้กับความชั่วและสิ่งล่อใจ ขณะที่ ผบช.ก.คนใหม่ บอกจะมุ่งเน้นการทำงานโดยการบูรณาการตามให้ทันโลกยุคเทคโนฯ

วันนี้ (1 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ทุกนาย ร่วมพิธีประดับเครื่องหมายยศ และให้โอวาทแก่ข้าราชการตำรวจชั้นนายพลที่ได้ตำแหน่งและได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น 72 นาย

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวให้โอวาทว่า อยากให้ทุกคนที่ได้รับยศสูงขึ้นคิดว่างานตำรวจคือองค์กร ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล ต้องไปด้วยกันทั้งองค์กรกว่า 200,000 คน ไม่ใช่เก่งคนเดียว ให้ช่วยกันดูแลสถาบันกษัตริย์ องค์กร ดูแลประชาชน และผู้ใต้บังคับบัญชา ตนเชื่อว่า กว่าทุกคนจะเติบโตมาจนเป็นนายพลย่อมรู้ดีว่าต้องทำอะไร อย่างไร ต้องคิดดี ทำสิ่งที่ดี เพื่อให้ได้ผลที่ดี โดยต้องคิดถึงส่วนรวมมากกว่า และคิดถึงเรื่องส่วนตัวให้น้อยลง

ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทุกท่านเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีความสำคัญตอนหนึ่งว่า ทุกวันนี้ประเทศชาติ กำลังเผชิญอยู่กับการคุกคาม และแทรกซึมของอิทธิพลที่บ่อนทำลายความสงบสุข ความมั่นคง ทำให้ภาระหนักตกอยู่กับฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะตำรวจ เพราะฉะนั้นก่อนที่ทุกคนจะรับหน้าที่ต้องทราบและตระหนักภารกิจ ต้องมีความมั่นใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยอุดมคติของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ยึดมั่นในความสุจริต กล้าหาญ ต่อสู้กับคนชั่ว ความชั่ว และสิ่งล่อใจทุกอย่างเพื่อความผาสุกของประชาชนและความมั่นคงปึกแผ่นของชาติ

ในวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.ก.) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก. กล่าวถึงนโยบายหลังเข้ารับมอบตำแหน่งถึงนโยบายการทำงาน ว่า จะคำนึงถึงการทำงานตามเจตนาของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางคือเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับประชาชน ซึ่งคดีที่ตำรวจพื้นที่ทำไม่ได้ เราก็จะทำแต่อะไรที่พื้นที่ทำได้ก็จะไม่ยุ่ง เช่น คดีที่เป็นเครือข่ายองค์กร บช.ก.ต้องจัดการ และในปัจจุบันก็มีเรื่องสิทธิเด็ก สิทธิบัตรก็จะมุ่งเน้น รวมทั้งการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ตำรวจต้องแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา

“ผมจะมุ่งเน้นการทำงานโดยการบูรณาการ เพราะแต่ละกองบังคับการมีหน้าที่การงานต่างกัน แต่อาชญากรไม่ได้ทำความผิดอย่างเดียวต้องนำข้อมูลมาใช้ร่วมกันได้ การพัฒนาต้องทำไปเรื่อยๆ เพราะโลกเปลี่ยนไปตลอด ไม่ใช่ของปัจจุบันไม่ดี อะไรที่ดีก็จะนำไปปฏิบัติต่อ” พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าว

ผบช.ก.ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในคดีคนร้ายสังหาร นายจารึก รังเจริญ ผู้สื่อข่าวมติชนประจำจังหวัดสุพรรณบุรี ว่า การสืบสวนของตำรวจท้องที่มีความคืบหน้าไปมาก จนสามารถตัดประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป จนเหลือเพียงประเด็นการนำเสนอข่าว ซึ่งในส่วนนี้ก็มี 2-3 เรื่องใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนในพื้นที่ จะเกี่ยวข้องกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือไม่ยังตอบไม่ได้ในขณะนี้ ตนมองว่าเป็นระดับล่างๆ แต่ไม่อยากพูดให้มีผลกระทบในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการตำรวจกองปราบปราม เข้าไปสนับสนุนการสืบสวนในทางเทคนิค