คืบหน้าคดีคลิปฉาว ปดส.รุดสอบ “โฟร์” ด้าน “มด” ขอเลื่อนให้เหตุผลสภาพจิตใจยังไม่พร้อม เตรียมตรวจสอบประสิทธิภาพมือถือใช้ถ่ายคลิปได้จริงหรือไม่ ด้านไอซีทีพบข้อมูลเว็บไซต์ที่เชื่อว่าจะเป็นต้นตอ 3 เว็บไซต์
วันนี้ (27 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการติดตามตัวมือดีที่แอบถ่ายคลิปนักร้องสาวโฟร์-มด เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (26 ก.ย.) พนักงานสอบสวน บก.ปดส.ได้เดินทางไปสอบปากคำ น.ส.ศกลรัตน์ วรอุไร หรือโฟร์ ที่บริษัท อาร์เอส โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ของทางอาร์เอสร่วมฟังด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โฟร์ได้ยืนยันกับพนักงานสอบสวนว่า คลิปคือตัวเองจริง และสถานที่ในคลิปก็คือโรงแรมรื่นรมย์ ตามที่ข่าวเสนอไป ซึ่งรายละเอียดบางเรื่องเจ้าตัวก็จำไม่ได้แน่ชัด เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว ส่วนทางด้าน น.ส.คุณัชญา (ชุติมนฑน์) ชัยรัตน์ หรือมด ได้ขอเลื่อนการให้ปากคำออกไป เนื่องจากสภาพจิตใจยังไม่พร้อม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ต้องรอให้สภาพจิตใจของมดพร้อมเสียก่อนจึงสอบปากคำ
ส่วนตัวนายปิยะนัส กาบละคร หรือเนม ทหารเกณฑ์หน่วยนาวิกโยธินกองทัพเรือ ประจำการอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส และทางหน่วย ฉก.นราธิวาสที่ 32 ที่ถูกซัดทอดว่าเป็นมือถ่ายคลิปนั้น ทางต้นสังกัดได้นำตัวมาสอบสวนแล้ว แต่ผลการสอบปากคำยังไม่เปิดเผยว่านายเนมให้การว่าอย่างไร ซึ่งทางตำรวจ บก.ปดส.ก็เตรียมส่งหนังสือเชิญตัวไปยังต้นสังกัดของนายปิยะนัส เพื่อขอให้ส่งตัวมาสอบสวนแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับทางต้นสังกัดของนายปิยะนัสด้วยว่าจะส่งตัวมาให้สอบปากคำหรือทางพนักงานสอบสวนต้องเดินทางลงไปสอบปากคำเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่แห่งหนึ่งทางภาคอีสาน เพื่อขอเอกสารการแจ้งหายของโทรศัพท์มือถือของกลางที่นายชัยรัตน์ หรือ อู๊ด ให้การไว้ว่ามีการแจ้งหายไว้ที่พื้นที่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เอกสารการแจ้งหายมาแล้ว ก็พบว่านายชัยรัตน์ได้แจ้งความว่ามือถือหายจริง แต่ยังใช้เป็นหลักฐานไม่ได้เนื่องจากในใบแจ้งความไม่ได้มีการระบุรุ่นของมือถือแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้เร่งทำการตรวจสอบประสิทธิภาพของมือถือโนเกีย รุ่น N72 ว่าใช่มือถือที่สามารถถ่ายคลิปดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานข้อมูลไป 2 ทาง โดยข้อมูลทางเทคนิคของเครื่องที่ทางโนเกียให้มาคือ สามารถบันทึกวิดีโอภาพเคลื่อนไหวได้ 15 เฟรมต่อวินาที หากทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบว่าภาพในคลิปวีดีโอดังกล่าวมีการบันทึกด้วยความไวที่สูงกว่า 15 เฟรมต่อวินาที ก็จะสามารถตัดเรื่องการถ่ายด้วยมือถือรุ่นดังกล่าวไปได้ และหากพบว่าคลิปดังกล่าวมีการบันทึกด้วยความไวที่สูงกว่ากล้องมือถือก็ต้องตรวจสอบโดยละเอียดว่าใช่ความไวของการบันทึกภาพด้วยกล้องวิดีโอหรือไม่
ในส่วนของมือโพสต์คลิปนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ไอซีทีได้พบข้อมูลเว็บไซต์ที่เชื่อว่าจะเป็นต้นตอที่มาของคลิปที่ระบาดไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้วจำนวน 3 เว็บไซต์ และทางเจ้าหน้าที่กำลังไล่ตรวจสอบโดยละเอียดว่าคลิปดังกล่าวถูกนำมาโพสต์ไว้ที่เว็บไซต์ไหนเป็นแห่งแรก เพื่อที่จะทำการติดตามตัวมือโพสต์คลิปมาสอบสวนขยายผลว่าได้คลิปดังกล่าวมาจากใคร ที่ไหน โดยในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.) พนักงานสอบสวนคดีนี้จะเข้าประชุมอีกครั้งเพื่อกำหนดทิศทางในการทำงานต่อไป