เสี่ยอู่ซ่อมสิบล้อบางปู เครียดจัดจ่อขมับยิงตัวตายหนีโรคเรื้อรัง

เสี่ยเจ้าของอู่ซ่อมรถบรรทุกหัวลากชื่อดังย่านบางปู เครียดจัดใช้ปืน .38 ปลิดชีพหนีโรคปวดหลังเรื้อรัง ขณะที่ลูกสาวเผยพ่อทำธุรกิจอู่ซ่อมรถมานานสิบปี เมื่อ 4 ปีที่แล้วมีอาการปวดหลัง รักษาผ่าตัดหลายครั้งไม่หายขาด ประกอบกับทำงานหนักจึงปวดเรื้อรังมากขึ้น อาจเป็นสาเหตุให้พ่อเครียดและตัดสินใจก่อเหตุ

วานนี้ (22 ก.ย.) ร.ต.อ.ณรงค์ ดอนสันเที๊ยะ ร้อยเวร สภ.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งมีชายยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 90 ม.3 ซ.เทศบาลบางปู 87 (ฟาร์มไก่ ) ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับแจ้งพร้อมด้วย พ.ต.อ.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผกก.สภ.บางปู พ.ต.ท.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ต.วัชระ ชัยเพ็ชร์ สว.สป. พ.ต.ต.ธรรศกร ก้อนทอง สว.สส. กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.สมุทรปราการ มูลนิธิร่วมกตัญญู รุดตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ปลูกบนเนื้อที่ราว 100 ตร.ว. บริเวณเตียงนอน ห้องโถงหน้าบ้านพบศพชายดังกล่าว ทราบชื่อนายสัมฤทธิ์ โอฐยิ้มพราย อายุ 69 ปี หรือเสี่ยฤทธิ์ เจ้าของบ้าน อาชีพเปิดอู่ซ่อมรถบรรทุกหัวลากชื่อดังย่านบางปู สวมเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาล นอนตะแคงตัวเสียชีวิตข้างเตียงกองเลือดปนมันสมอง สาดกระเซ็นเต็มพื้นห้อง ตรวจสอบพบมีบาดแผลถูกยิงบเข้าที่บริเวณขมับขวาทะลุขมับซ้ายเป็นที่น่าสยดสยอง ใกล้กันพบปืนลูกโม่ขนาด .38 ตกอยู่ เจ้าหน้าที่เก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

สอบสวน น.ส.เพ็ญฤดี โอฐยิ้มพราย อายุ 36 ปี ลูกสาวผู้ตายให้การทั้งน้ำตาว่า พ่อทำธุรกิจเปิดอู่รับซ่อมรถบรรทุก ชื่อ สัมฤทธิ์การช่าง เป็นโกดังขนาดใหญ่ติดกับบ้านพัก จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วจังหวัดสมุทรปราการและใกล้เคียงหลายสิบปี จนกระทั่งเมื่อราว 4-5 ปี ก่อนพ่อป่วยมีอาการปวดหลังเรื้อรัง จึงได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.สมิติเวช พร้อมทำการผ่าตัดแต่อาการยังไม่ดีขึ้นเนื่องจากยังต้องทำงานหนัก ล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อนก็บ่นว่าปวดหลังหนักขึ้นกว่าเดิม ตนจึงให้พ่อพักไม่ต้องทำงานและดูแลงานในอู่ด้วยตัวเอง ก่อนเกิดเหตุตนกำลังนั่งทำเอกสารอยู่บริเวณม้านั่งหน้าบ้าน ส่วนพ่อนั่งอยู่บนเตียงดังกล่าวเพียงคนเดียว ก่อนตนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เมื่อเข้ามาดูพบว่าพ่อนอนตายแน่นิ่งเสียชีวิตจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่

ร.ต.อ.ณรงค์ ดอนสันเที๊ยะ ร้อยเวร เปิดเผยว่า นายสัมฤทธิ์ก่อเหตุยิงตัวตาย โดยมีสาเหตุมาจากความเครียดในอาการป่วยเรื้อรังมานานหลายปี เนื่องจากทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งต้องหยุดงานลงและวางมือให้ลูกสาวรับช่วงต่อ เมื่อได้ทำงานจึงเกิดความเครียดจัดก่อนลงมือตัดสินปัญหาชีวิต ซึ่งได้นำศพส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป